หนุน Soft Power อาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือบริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำกลุ่มบริษัทพลังงานครบวงจรระดับภูมิภาค และบริษัท เทสท์อิงค์ เอเชีย จำกัด เดินหน้าในการผลักดัน Soft Power อาหารไทยในมิติแห่งความเป็นยา จัดงาน “Thai Taste Therapy Challenge by Worldgas ครั้งที่ 2” พร้อมพัฒนาศักยภาพ และทักษะของบุคลากรควบคู่การเชิดชูมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สานต่อความสำเร็จจากการแข่งขันในปีแรก
ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า “กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริม การพัฒนาและเผยแพร่ภูมิปัญญาวัฒนธรรมผ่านแรงขับเคลื่อน Soft Power เพื่อชูความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก ซึ่งอาหารไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศ ที่ประกอบด้วยรูป รส และกลิ่น ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมให้มีศักยภาพผ่านนโยบาย 5F ซึ่งมีความโดดเด่น สามารถนำมาต่อยอดสร้างสรรค์สินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจได้หลากหลายส่วน ทั้งนี้ “โครงการไทยเทสเทอราปี ชาเลนจ์ (Thai Taste Therapy Challenge) ครั้งที่ 2” เป็นโครงการการแข่งขันทำอาหารที่ส่งเสริม และสร้างการรับรู้ความมหัศจรรย์ของอาหารไทยในมิติของโภชนเภสัช และไม่ได้มีเพียงรสชาติ ความอร่อยเพียงอย่างเดียวแต่มีประโยชน์ด้านสุขภาพเช่นกัน ดังคำที่ว่า “อาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก” จึงอยากเชิญชวนคนไทยให้มาร่วมกันพิสูจน์ฝีมือให้เป็นที่รู้จักไปพร้อมกัน
ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เวิลด์แก๊ส โดยดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ได้ยืนหยัดเคียงข้างครัวไทยมากว่า 43 ปีแล้ว เราตั้งมั่นในปณิธานที่จะสานต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น ผ่านแนวคิด ‘เคียงข้าง สร้างรอยยิ้ม’ ในการทำงานสร้างเสริมรอยยิ้มและชีวิตที่ดีให้กับคนไทยทุกคน ผ่านโครงการภายใต้พันธกิจ ‘WE Promise’ ทั้ง 4 ข้อ ซึ่งครอบคลุมการสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น การให้คุณค่าและยกระดับวัฒนธรรมไทย การสนับสนุนการศึกษา และการรักษา
สิ่งแวดล้อมครั้งนี้จึงเรายังคงสานต่อความร่วมมืออย่างเหนียวแน่น กับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และ เทสอิงค์ เอเชีย จัดการแข่งขันทำอาหาร “ไทยเทสเทอราปี ชาเลนจ์ ครั้งที่ 2” ขึ้น จากความสำเร็จในปี 2021 ที่ผ่านมาเพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องพร้อมขอเชิญชวนคนที่รักในการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพ หรือมือสมัครเล่นเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เพื่อต่อยอดเส้นทางวงการอาหารควบคู่การส่งเสริมในการเปิดโอกาสให้ หลังจากประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นไปตาม Soft Power ภูมิปัญญาอาหารไทยไปพร้อมกัน”
พร้อมกันนั้น คุณไอริณ ทวีเกื้อกูลกิจ ชี้แจงรายละเอียดการแข่งขันในปีนี้ไว้ดังนี้ “ทางบริษัทเทสท์อิงค์ เอเชีย จำกัด ได้ให้การผลักดันวงการอาหารไทยอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ ของบริษัทฯในปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภค และผู้คนต่างหันมาใส่ใจสุขภาพ และปรุงอาหารด้วยตนเองมากขึ้น โดยการแข่งขัน Thai Taste Therapy Challenge Episode 2: Food Innovation ในครั้งนี้จะแตกต่างไปจากปีที่ผ่านมา เน้นการการรังสรรค์และใช้นวัตกรรมผ่านวัตถุดิบไทย ผู้เข้าแข่งขันสามารถทำอาหารเมนูไทยประยุกต์จากวัตถุดิบไทยในรูปแบบใดก็ได้ โดยสามารถประยุกต์การใช้นวัตกรรมต่างๆ ภายใต้กรอบแนวคิด “อาหารไทยเป็น “ยาที่อร่อยที่สุดในโลก” ทั้งนี้ โครงการฯ มุ่งสนับสนุนให้คำนึงถึงการลด Food Waste ในการรังสรรค์เมนูในปีนี้จะได้รับคะแนนพิเศษอีกด้วย”
โดยกำหนดการรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน Thai Taste Therapy Challenge Episode 2: Food Innovation เพื่อชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท และได้รับประสบการณ์การ Workshop จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหาร และเมนูผู้ชนะจะถูกนำเข้าขายจริงในโรงแรมระดับห้าดาว เริ่มเปิดรับสมัครในวันที่ 1 กันยายน 2565 จนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2565 ประกาศผลรอบคัดเลือกวันที่ 31 ตุลาคม 2565 และประกาศผลรอบชนะเลิศ วันที่ 9 ธันวาคม 2565
โดยสามารถติดตามข่าวสารของโครงการฯ ได้ทางเฟสบุ๊ก www.facebook.com/thaitastetherapy และเว็บไซต์ www.thaitastetherapy.com