Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

บ้านอีต่อง ปิล็อก กลางหุบเขาที่สายฝนสายหมอก บอกให้เรา ‘นิ่ง’

การได้อยู่เงียบ ๆ นิ่ง ๆ มันดีจริง ๆ นะ ยิ่งเวลาที่ได้เห็น ได้ยิน ตัวจริง เสียงจริงของโลกใบนี้  

หน้าฝนนี้ถ้าอยากไปซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา  ก็อยากจะแชร์ว่า “มันดีจริง” ยิ่งเดินทางไปในวันธรรมดาที่มีผู้คนบางตา ปล่อยหน้าที่ให้หมอกหนา ๆ เริงร่าเต้นระบำให้เต็มที่ไปเลย

เราเดินทางไปจังหวัดกาญจนบุรี กับเส้นทาง Mega Fam Trip ภาคกลาง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี   ออกจากกรุงเทพแต่เช้า มุ่งหน้าสู่เมืองกาญจน์ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ M81 ที่ยังทดลองเปิดให้บริการ ประหยัดเวลาไปได้มาก

มาถึง อ.ทองผาภูมิ ในตอนเที่ยง แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ “ร้านเพาะรัก” ร้านสวยในป่าครึ้มริมลำธาร ซึ่งตอนนี้ปริมาณน้ำปริ่มตลิ่ง เป็นจุดที่แนะนำให้แวะกินข้าว ก่อนจะฝ่า 399 โค้ง ขึ้นไปบ้านอีต่อง ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ

เติมพลังแล้วออกเดินทางกันต่อ…

ถนนเส้นเล็ก ๆ คดเคี้ยวไต่ขึ้นภูเขา รวม 399 โค้ง ยิ่งสูงก็ยิ่งว้าว เพราะน้องหมอกออกมาทักทายกันตั้งแต่กลางทาง แต่น้องฝนเธอก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตก ๆ หยุด ๆ ตลอดเวลา

หน้าฝนก็ฟิน น้ำตกจ๊อกกระดิ่น

มาถึงอีต่องช่วงบ่าย แวะเข้าไปทักทายสายน้ำแห่งภูผาที่ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น ซึ่งเพี้ยนมาจากภาษาเมียนมาร์ที่พูดว่า ““ก๊อกกระด่าน” แปลว่า น้ำที่ตกจากซอกหินผา ไฮไลต์ของน้ำตกแห่งนี้คือสายน้ำที่แทรกตัวออกจากร่องผา ตกลงมาอยู่ในอ่าง สะท้อนสีเขียวมรกต งดงามมาก ก่อนจะไหลเป็นลำธารสายยาว

แต่ในช่วงหน้าฝน มวลน้ำหนาแน่นไหลแรงกระแทกกระทั้น อีกทั้งไม่มีแสงแดด ทำให้มองไม่เห็นสีสันใด ๆ แต่ก็เข้ามาเที่ยวได้ในบรรยากาศชุ่มเย็น เป็นน้ำตกที่เข้ามาเที่ยวได้ไม่ยากเลย เดินเท้าสบาย ๆ ชมนกชมไม้ราว 300 เมตรก็ถึง

ไม่เห็นแต่อยากมอง อีต่องในม่านหมอก

เราเดินทางมาถึงบ้านอีต่องบ่ายแก่ ๆ แต่ทั้งสายฝนและสายหมอกก็หยอกล้อกันเต็มฟ้า แทบจะมองเห็นอะไรไม่ชัด แต่น่าจับจ้องเป็นที่สุด

มัคคุเทศก์น้อยอาสาพาย้อนประวัติศาสตร์ของบ้านอีต่อง ซึ่งเคยเป็นที่พักของชาวเหมืองแร่มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 ก่อนจะยุติลงไปหลังจากเดินทางมาราว 50 ปี

บวชต้นไม้

บ้านพักของนายช่าง

เครื่องจักที่ใช้ในเหมืองแร่ปิล็อกในอดีต

วันนี้เรายังเห็นหลักฐานของเหมืองปิล็อกในอดีต ทั้งบ้านพักของนายช่าง ยานพาหนะ เครื่องจักร และเครื่องมือต่าง ๆ ก่อนจะเดินลึกเข้าไปบริเวณน้ำตกปิล็อก ลำธารสายเล็ก ๆ ที่มีปลาคาร์ฟว่ายวน ในช่วงที่หมอกหนาฟ้าครึ้ม ให้บรรยากาศเงียบ ๆ เย็น ๆ เดินเล่นสุขใจอย่างบอกไม่ถูก

ย้อนอดีตเหมืองปิล็อก

เราจะคิดถึงแสงแดดจ้าเมื่อท้องฟ้าถูกสายฝนครอบครอง

พื้นที่ในย่านบ้านอีต่องตกอยู่เป็นอาณาจักรของสายฝนและสายหมอก ทั้งหมู่บ้านถูกครอบครองมาแล้วตั้งแต่ปลายมิถุนายน พี่ผู้หญิงเจ้าของร้าน “ครัวสุดแดน” บอกกับเราว่า ไม่เห็นแสงแดดมานานแล้ว ไอ้เราก็แอบอิจฉา โดยไม่ทันคิดว่า อะไรที่มากไป ก็คงไม่ดีสำหรับใคร โดยเฉพาะเสื้อผ้า ที่ต้องการแดดจัด ๆ ช่วยขจัดกลิ่น น้ำยาซักผ้าหอมต้องเข้าบ้านอีต่องแล้วกระมัง

มุมมองจากดาดฟ้า Villa Pilok

เพราะความชื้นที่แทรกซึมไปทั่ว พื้นปูน พื้นดิน พื้นหญ้า มีความฉ่ำเป็นพิเศษ จึงเห็นบางคนลื่นไถล มีใครคนหนึ่งหงายหลังตึงต่อหน้า ทำให้แต่ละย่างก้าวของเราเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

ตกค่ำหมอกหนา ฝนเริ่มซาลงบ้าง แต่ก็ตก ๆ หยุด ๆ ทั้งคืน

กระทั่งตอนกลางคืน ในห้องพักที่ Villa Pilok ซึ่งอยู่ต้น ๆ ของถนนหลักในหมู่บ้าน (ในตลาด) ชะล่าใจว่า อยากสัมผัสบรรยากาศของสายหมอกให้เต็มที่ แง้มประตูระเบียงไว้ (มีมุ้งลวดกั้น) เช้ามาทั้งห้องชุ่มชื้นแบบไม่ต้องพึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์กันเลยทีเดียว ใครเปิดกระเป๋าเดินทางไว้ ก็ไม่รอด

Villa Pilok มีดาดฟ้าใช้ชมวิว

วิลล่าปิล็อก เป็นที่พักแนวบูทีคโฮมสเตย์ ห้องหับก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อยคล้าย ๆ โรงแรม เพียงแต่ไม่มีแอร์หรือพัดลม แต่ที่พักที่บ้านอีต่องก็เป็นโฮมสเตย์ทั้งหมด แตกต่างกันบ้างที่วิวและการตกแต่ง ผ้าห่มอาจจะบาง ๆ เหมือนกันหมด (เท่าที่เคยพักมา และได้คุยกับอีกหลายคนซึ่งพักที่อื่น) เพราะไม่มีเครื่องปรับอากาศ ใครขี้หนาวก็อาจจะต้องพกผ้าห่มมาเผื่อด้วย

อาหารเช้าที่วิลล่าปิล็อก เลือกได้ว่าจะข้าวต้ม หรือ ABF

แต่รวม ๆ แล้วเป็นที่พักที่ดี Villa Pilok มีหลายห้อง มีดาดฟ้าให้ชมวิวตลาด รอบนี้น้องหมอกปกคลุมตลอดเวลา จึงมองทุกอย่างได้แค่ลาง ๆ แต่ก็รู้สึกดีเหลือเกิน

ยามเช้าที่บ้านอีต่อง

หลังจากนอนฟังเสียงฝน กับเสียงแปลก ๆ ของสัตว์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ค่ำคืนในหุบเขาผ่านไปอย่างน่าประทับใจ ลงมาจิบกาแฟที่ห้องอาหาร เลือกข้าวต้มเป็นมื้อเช้า ก่อนจะออกไปดูบรรยากาศโดยรอบ

แต่ฝนเอย เจ้าคงอยากให้เราหยุดนิ่งบ้าง จึงได้เพียงเมียงมองความเงียบสงบ ร้านค้าใกล้ ๆ มีชุดอาหารสำหรับการทำบุญ ทุกเช้าจะมีพระสงฆ์เดินออกบิณฑบาต แต่วันนี้ฝนตก มีขบวนนักบุญชุดขาวออกมาแทน

ชายแดนบนเนินเขา เนินเสาธง

ตามปกติแล้ว เมื่อมาเที่ยวบ้านอีต่อง เราต้องขึ้นไปชมวิวบนเนินช้างศึก แต่ด้วยสภาพอากาศและหมอกหนา จึงมุ่งหน้าไปที่ “เนินเสาธง” รอยต่อไทย-เมียนมาร์

ด้วยเหตุผลทางความมั่นคง จุดนี้เราสามารถถ่ายรูปได้เฉพาะฝั่งไทย ห้ามหันกล้องไปอีกฝั่งอย่างเด็ดขาด เลยเป็นจุดท่องเที่ยวที่ลุ้นดีเหมือนกัน

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

ขาลงจากเขา ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังเป้าหมายต่อไป เมื่อเม็ดฝนเริ่มผ่อนคลาย จึงแวะถ่ายรูปเล่นหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งดูแลพื้นที่ครอบคลุมทั้งทองผาภูมิและสังขละบุรี

วันนี้แค่ได้เที่ยวชมด้านหน้าอุทยานฯ ก็ปริ่มเปรม บรรยากาศดีเหมือนทางภาคเหนือ อากาศเย็นสบาย มีนางแบบสีสันสดใสมาเติมความทรงจำ

เป็นทริปที่อบอุ่นในใจลึก ๆ  แค่ได้อยู่ในบรรยากาศสวยสงบ ให้ตัวเองได้พักวางความคิด ความหวังใด ๆ ออกไปบ้าง  อย่างที่บอกว่าสายฝนและสายหมอก คงอยากบอกให้เราอยู่นิ่ง ๆ ได้หยุดบางสิ่งเพื่อออกเดินทางกันต่อไป

 แบบนี้ก็ดีนะ!

***การขับรถขึ้นไปบ้านอีต่องต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหน้าฝนนี้ และยังมีการปรับปรุงเส้นทาง-ก่อสร้างถนนเป็นระยะ

บ้านอีต่อง

ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

ชมบรรยากาศบ้านอีต่องเดือนพฤศจิกายน หน้าหนาวที่เร้าใจสุด ๆ เช็คความชิลเกินต้าน บ้านอีต่อง หน้าหนาว

ไปเที่ยวต่อที่บ้านโบอ่อง ปิล็อก เกาะแห่งศรัทธา บ้านโบอ่อง ปิล็อก

#MegaFamTripภาคกลาง

#สุขทันทีที่เที่ยวภาคกลาง

#PILOK #BanITong #บ้านอีต่อง

#ปิล็อกหน้าฝน #น้ำตกจ๊อกกระดิ่น

#เหมืองปิล็อก #น้ำตกปิล็อก #เนินเสาธง

#อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ #VillaPilok

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

#อิต่องปิล็อก #ทองผาภูมิ #กาญจนบุรี

#เที่ยวกาญจนบุรี #เที่ยวกาญจน์

Post a comment

eighteen − 8 =