Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

จริง ๆ ใจฟูนะ ‘ชะอำ’   

คำว่า “ใจฟู” สะท้อนให้เห็นภาพความชื่นบานของหัวใจ เหมือนดอกไม้ที่ชูช่อรอรับสายฝนและแสงแดด อาการใจฟูเกิดขึ้นได้เมื่อพบเจอความรู้สึกดี ๆ เป็นพลังงานบางอย่างที่คอยกระตุ้นเรี่ยวแรงทางอารมณ์

อยากใจฟูให้ออกเดินทาง ไปค้นหาภาพความประทับใจในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ล่าสุดเราไปชะอำ ไปเติมความชุ่มฉ่ำให้หัวใจ เจอทะเลสดใส กับผู้คนที่เต็มไปด้วยความสุขในวันหยุดพักผ่อน จากนั้นก็เดินทางไปเที่ยวต่อในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ รวมทั้งสถานที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อน (ทั้ง ๆ ที่อาจจะมีอยู่นานแล้ว)

นิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี

เติมพลังใจสายมู บูชาองค์พ่อปู่พญานาค

“พ่อปู่พญาเพชรคีรี มหามุนี ศรีสุทโธนาคราช” วัดถ้ำแจง เป็นองค์พญานาคแห่งแรกของเพชรบุรี ปัจจุบันเป็นพญานาคขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูงราว 31 เมตร ลำตัวเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 2 เมตร

ฃสีสันโดดเด่น ด้วยลักษณะของสีนิลปาล หรือสีเขียวปีกแมงทับ งดงาม ตระการตาด้วยโครงสร้างที่ละเอียดอ่อน สามารถเดินลอดผ่านได้ 9 ช่อง ปัจจุบันมีผู้เข้ามาสักการะขอพรอย่างไม่ขาดสาย

วัดถ้ำแจง

ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ครัวหมึกหอม

มื้อเที่ยง แวะเติมพลังกันที่ “ครัวหมึกหอม” เป็นร้านอาหารพื้นบ้าน และอาหารทะเล ซึ่งทางร้านมีเรือประมงเป็นของตัวเอง  ตัวร้านมีขนาดใหญ่รองรับลูกค้าได้เยอะ วันนี้สั่ง หมึกหอมแดดเดียว, เนื้อปูผัดพริกเหลือง, ไข่ตุ๋นทะเลหม้อไฟ, ปลาดุกผัดฉ่า และต้มยำปลากระพงน้ำใส รสชาติถูกปากถูกใจ

ในบริเวณเดียวกัน มีร้านกาแฟแนวมินิมอลให้บริการ ชื่อร้านว่า “SOULMARCH” คาเฟ่สีขาว โปร่งโล่ง นั่งสบาย กินข้าวแล้วก็เดินเข้าไปจิบกาแฟ กินขนมกันที่นี่

ร้านหมึกหอมอยู่ใกล้กับทางเข้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราในบ่ายวันนี้  จึงใช้เวลานั่งเล่นในคาเฟ่ รอแดดร่มลงสักนิด ก่อนจะเดินทางเข้าวนอุทยานฯ ซึ่งไม่ไกลจากจุดนี้

ท่องวรรณคดีโบราณ วนอุทยานเขานางพันธุรัต

ชื่อของนางพันธุรัต อาจจะเป็นที่คุ้นชินจากวรรณคดีเรื่อง “สังข์ทอง”  โดยชื่อของ “วนอุทยานเขานางพันธุรัต” ก็มาจากวรรณคดีเรื่องนี้จริง ๆ ในตอนที่พระสังข์หลบหนีนางพันธุรัตจนเป็นเหตุให้นางต้องอกแตกตาย เพราะความรักในตัวพระสังข์ หากมองจากมุมไกล ๆ จะเห็นเทือกเขาที่ทอดยาวมองดูคล้ายคนนอนหงายอยู่ ซึ่งบางครั้งชาวบ้านก็จะเรียกว่า “เขานางนอน”

นอกจากรูปลักษณ์ของภูเขาแล้ว ภายในวนอุทยานยังมีเรื่องราวที่สอดคล้องกับวรรณคดี เป็นจุดเที่ยวชมในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ทั้งแบบระยะสั้น และระยะยาว

จุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เชื่อมโยงเรื่องราวในวรรณคดี เริ่มต้นจาก “ศาลแม่นางพันธุรัต” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวโดยทั่วไปจะเข้ามาสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ขอพรกันได้แทบทุกด้าน ยกเว้นเรื่องความรัก

“กระจกนางพันธุรัต” เป็นช่องเขาที่สามารถเดินผ่านได้ ตามตำนานเล่าว่า หลังจากที่นางพันธุรัตเลี้ยงดูพระสังข์เป็นลูก นางได้แปลงกายเป็นมนุษย์เพื่อไม่ให้พระสังข์รู้ว่าเป็นยักษ์ นางจึงใช้ช่องกระจกแห่งนี้ส่องดูรูปร่างหน้าตา

“เมรุนางพันธุรัต” เป็นแท่งหินลักษณะคล้ายเมรุเผาศพ ตามตำนานเล่าว่า หลังจากที่นางพันธุรัตอ้อนวอนพระสังข์จนอกแตกตาย จึงได้ทำศพนางพันธุรัตที่นี่

3 จุดนี้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ที่ต้องเดินขึ้นบันไดในระยะที่ไม่ไกลมากนัก แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็มีขาสั่นและต้องแวะพักกันบ้าง เมื่อไปถึงจุดชมวิวด้านบน สามารถยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์เพื่อเติมแต่งความเขียวชอุ่มของผืนป่า

วนอุทยานเขานางพันธุรัต และโครงการฯเขานางพันธุรัต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

โทร. 098 686 0989

อ่านรีวิวฉบับเต็ม กับ 5 เรื่องราวน่ารู้ในวนอุทยานเขานางพันธุรัต ได้ที่นี่ >>>  https://www.meetthinks.com/khao-nang-phanthurat-forest-park/

โบราณสถานทวารวดีโคกเศรษฐี

ด้านหน้าทางเข้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก หากใครเคยไปเยือน  “เมืองโบราณศรีเทพ” แล้วได้มาพบกับสถานที่แห่งนี้ จะรู้ได้ทันทีว่ามีความเกี่ยวข้องกัน

“โบราณสถานทวารวดีโคกเศรษฐี” หรือ “ทุ่งเศรษฐี”  เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโบราณ ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำและชายฝั่งทะเลของเพชรบุรี เมื่อราวกว่าพันปีก่อน หรือพุทธศตวรรษที่ 12-13 สมัยทวารวดี โดยพื้นที่แห่งนี้ถือเป็นเส้นทางการค้าและการขนส่งที่สำคัญในอดีต ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ทำการสำรวจและขุดค้นพบโบราณวัตถุต่าง ๆ และทำการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันเราสามารถมองเห็นเค้าโครงของสถูปโคกเศรษฐี ศาสนสถานสมัยทวารวดี องค์สถูปหักพังเหลือเพียงส่วนฐาน มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง 25 เมตร ยาว 25 เมตร สูง 5 เมตร วางตัวในแนวแกนตะวันออก-ตะวันตก หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของเทือกเขาจอมปราสาทอันเป็นส่วนหนึ่งของเขาเจ้าลายใหญ่หรือเทือกเขานางพันธุรัต

อร่อยเน้น ๆ วิวทะเลซีฟู้ด ชะอำ

ร้านอาหารชื่อวิวทะเล ที่ไม่ติดทะเล แต่คนก็เทใจให้อย่างหนัก เพราะต้องยอมใจให้กับความหนักแน่นของวัตถุดิบที่คัดมาแล้วว่า สด ๆ เน้น ๆ ชื่อเสียงสะสมมานานจนกลายเป็นร้านประจำของนักชิม

เมนูวันนี้เริ่มต้นที่ หอยเชลล์ผัดฉ่า ส้มตำปูม้า ตามมาด้วยแกงส้มไข่ปลาริวกิว ผัดไบเหลียง ที่เด็ดดวงหฤทัยมาก ๆ คือ ปลาหมึกไข่แดดเดียว ตัวไม่ใหญ่แต่ไข่แน่น ด้านยำวุ้นเส้นทะเลก็ทำมาได้ดี เส้นนุ่มหนึบ กุ้งหมึกเด้งสด รสชาติกลมกล่อมหอมมะนาวแท้ ส่วนกุ้งราดซอสมะขามตัวใหญ่สดอร่อยมากเช่นกัน

ถ้ำโบราณกว่า 500 ปี วัดชะอำคีรี

อีกจุดท่องเที่ยวที่มีความสวยงามทรงมนต์ขลังเป็นอย่างยิ่ง คือ “วัดชะอำคีรี” ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของชาวชะอำ มีความเงียบสงบ ร่มเย็น เข้ามาแล้วได้บรรยากาศของการผ่อนคลายอีกรูปแบบหนึ่ง

จุดที่น่าสนใจอยู่ที่ ถ้ำโบสถ์โบราณอายุกว่า 500 ปี สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา การจะเข้าชมต้องผ่านบันใดนาคสีทอง 108 ขั้น ขึ้นไปบนภูเขา ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานประธานและพระนอน บนผนังหินยังมีประติมากรรมที่น่าสนใจ รวมทั้งหินงอกที่มีรูปร่างคล้ายจระเข้

ออกจากถ้ำยังมีเส้นทางเดินชมวิว ผ่าน “ถ้ำรอดใบโพธิ์”  (ถ้ำลอดใบโพธิ์) ที่มีรูปเหมือนใบโพธิ์จริง ๆ จากนั้นสามารถเดินต่อไปในเส้นทางธรรมชาติ ผ่านแนวผาหินอันงดงาม ก่อนจะลงยังทางออก โดยไม่ต้องวนกลับมาลงบันใดอีกรอบ

เลาะเส้นทางสายเปรี้ยวที่ Fresh-1 Lemon Farm

ความเปรี้ยวหอมลงตัวของเลมอน เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการร้านอาหารในปัจจุบัน แม้แต่คนโดยทั่วไป ก็หันมาใช้เลมอนในการปรุงอาหารมากขึ้น

อยากรู้จักเลมอน อยากชิมผลผลิตจากเลมอน หรืออยากจะเรียนรู้การปลูกเลมอน ก็ต้องไปที่ สวน Fresh-1 Lemon Farm บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

มาแล้วจะได้รู้ว่า จะปลูกเลมอนให้ได้ผลดกดังใจ ดูแลง่าย ต้องทำอย่างไร เพราะทางสวนใช้เวลาศึกษา ลองผิดลองถูกมาเป็นเวลานาน

เดินชมสวนแล้วแวะมาดื่มน้ำเลมอนรสเปรี้ยวหวานหอมชื่นใจ กินแกล้มเค้กเลมอนนุ่ม ๆ  แล้วไปเลือกซื้อหาของฝากจากฟาร์ม เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเลมอน อาทิ เลมอนเชลโล่ เลมอนอบแห้ง ไซรัปเลมอน น้ำเมลอน เลมอนเค้ก ฯลฯ

ร้านป้าหยัน ยืนหนึ่งความนิยม

ก่อนกลับกรุงเทพฯ เราแวะกินข้าวที่ร้านป้าหยัน อ.เมืองเพชรบุรี ร้านนี้การันตีความอร่อยจากปากต่อปาก โด่งดังจนต้องนั่งรอคิว แต่เป็นการรออย่างชิล มีมุมให้นั่งเล่นสบาย ๆ ไม่ทำให้เสียอารมณ์ ที่ทุดคนชื่นชอบคือบรรยากาศแบบครอบครัว ตกแต่งสวยงาม ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย

ร้านป้าหยันนำเสนออาหารพื้นบ้านเพชรบุรี ผสมผสานเมนูอาหารใต้ (ภูเก็ต) เข้ามาด้วย ทำให้มีรสชาติเข้มข้น ถูกปาก แต่ก็ไม่ได้จัดจ้านเกินไป

เมนูเด็ดที่เกือบทุกโต๊ะต้องสั่งคือ “แกงคั่วปูใบชะคราม”  รสชาติเข้มข้นกำลังดี กินง่าย ใบชะครามเป็นผักพื้นบ้านเมืองเพชร มีความกรุบกรอบเล็กน้อยคล้าย ๆ ผักกูด นอกจากนำมาแกงแล้ว ยังมาทำเป็นเมนูยำได้ด้วย ปลาทอดสามรสตัวใหญ่ รสชาติกลาง ๆ กินง่าย เช่นเดียวกุ้งทอดซอสมะขาม และเมนูต้มส้มปลากะพงที่มีความเปรี้ยวหวานเค็มลงตัว

ได้เจอกับภาพของชะอำที่ยังคงสีสันสดใส ได้แวะเติมพลังกาย พลังใจ และแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับธรรมชาติ ได้เจอมุมสวย ๆ ถูกใจ กินอาหารอร่อยถูกปาก คงต้องบอกว่า “จริง ๆ ใจฟู” หรือ “ใจฟู จริง ๆ”

โรงแรม เบย์ วินโดว์ แอท ซี ชะอำ เป็นอีกที่พักหน้าชายหาด มีความสะดวกสบาย มีสระว่ายน้ำให้เล่นถึง 2 สระ

ขอขอบคุณ ทริปท่องเที่ยว สมุทรสงคราม-เพชรบุรี โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคกลาง วันที่ 20-22 กรกฎาคม 2567

Post a comment

1 + ten =