Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

Catcher in the Rye: จาก J.D. Salinger ถึง Guns N’ Roses และบทเพลงอื่นๆ

คอลัมน์ เซาะร่องเสียง 

โดย นกป่า อุษาคเณย์

When all is said and done

We’re not the only ones

Who look at life this way

That’s what the old folks say

But every time I’d see them

Makes me wish I had a gun

If I thought that I was crazy

Well I guess I’d have more fun

Guess I’d have more fun

Oh no, no, no, no, no

The Catcher in the Rye again ooh

Won’t let ya get away from him

It’s just another day like today

You decide

‘Cause I don’t have to

Then they’ll find

And I won’t ask you

At anytime

Or long hereafter

If the cold’s outside

As I’m imagining

It to be

Oh no

The Catcher in the Rye again ooh

Won’t let ya get away from him

It’s just another day like today

When all is said and done

We’re not the only ones

Who look at life this way

That’s what the young folks say

But every time I’d see them

Makes me wish I had a gun

If I thought that I was crazy

Well I guess I’d have more fun

It’s what used to be’s not there for me

And ought to find someone that belongs insane like I do

Oh no

Not at all [Repeat]

On an ordinary day

Not in an ordinary way

All at once the song I heard

No longer wouldn’t play for anybody

Or anyone

That needed comfort from somebody

Needed comfort from someone who cared

To be

Not like you

And unlike me

And then then voices ran away

From me

So now you set the wheels in motion

It haunts our memories

You were the instrument

You were the one

How a body took a body

And Gave that boy a gun

You took our innocence

Beyond our stares

Sometimes the only thing

You got at all

When no one else is there

https://www.youtube.com/watch?v=4PNNzSNtihI

พลันเมื่อเสียงเพลง The Catcher in the Rye ดังขึ้นในคอนเสิร์ต Not In This Lifetime: Guns N’ Roses Live in Bangkok 2017 World Tour แฟนเพลงหลายคนก็ขยับร้องตาม ขณะที่หลายคนอาจไม่คุ้นเท่าไหร่

เพราะ The Catcher in the Rye เป็นเพลงในอัลบั้ม Chinese Democracy งานชุดสุดท้ายปลายปี ค.ศ.2008 ในยุคหลังที่ Guns N’ Roses มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น ทั้งสมาชิกและแนวทางทำเพลง อีกทั้ง อัลบั้มชุดดังกล่าวก็ไม่ค่อยได้รับการพูดถึงในวงกว้างมากนัก ทั้งที่ใช้เวลาในการทำงานยาวนานถึง 10 ปี คือ ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2007

Axl Rose นักร้องนำ และหัวหน้าวง Guns N’ Roses เคยกล่าวถึงเบื้องหลังการเขียนเพลง The Catcher in the Rye ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ The Catcher in the Rye ของ J.D. Salinger และคดีที่ Mark Chapman ยิง John Lennon เพลงนี้เป็นเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง น่าเสียดายที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมครับ

จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น

หาก Jonathan Livingston Seagull (โจนาธาน ลิฟวิงสตัน: นางนวล) คือ “คัมภีร์ของบุปผาชน”

The Catcher in the Rye ก็เป็น “คัมภีร์อีกเล่ม” ของ “นักแสวงหา”

Jonathan Livingston Seagull ของ Richard Bach ขึ้นชั้น “วรรณกรรมคลาสสิค” ด้วย “จิตวิญญาณแห่ง Jonathan” ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่หนุ่มสาวรุ่นแล้วรุ่นเล่าให้กล้าที่จะตั้งคำถามต่อปัจจุบัน!

The Catcher in the Rye (1951) ของ J.D. Salinger ก็ขึ้นชั้น “วรรณกรรมคลาสสิค” ผ่าน “บทรำพึงรำพัน” ของ Holden Caulfield ที่สะท้อนภาพประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม แห่งยุคสมัย

Holden Caulfield เป็นภาพแสดงแทนความแปลกแยกของวัยรุ่น ที่แสดงออกผ่านความคิดสุดแสนสับสนวุ่นวายของปัจเจกชนท่ามกลางสภาพสังคมที่แสนหดหู่

J.D. Salinger เขียนเล่าเรื่องวนเวียนไปมาอยู่ในห้วงคำนึง 3 วันของ Holden Caulfield เป็นหนังสือเล่มหนาเกือบ 300 หน้า ที่มาพร้อมกับความคิดสะระตะสุดแปลกแยก และเต็มไปด้วยความหดหู่ของช่วงชีวิตวัยรุ่น

แปลงเรื่องราวของ “นักแสวงหา” ที่อ่านยาก ย่อยเหลือเพียงความคิดคำนึงของวัยรุ่นธรรมดา

แปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2017 ผ่านฝีมือของ “ปราบดา หยุ่น” ที่ให้ชื่อปกว่า “จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น”

Catcher in the Rye ในมุมมองของวงอื่นๆ

สำหรับในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา The Catcher in the Rye เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา หรือ High School จึงไม่น่าแปลกใจที่ศิลปินจำนวนมากได้นำเนื้อหาจาก The Catcher in the Rye มาบอกเล่า นอกเหนือจาก Axl Rose แห่ง Guns N’ Roses

Talkin’ 2 Myself ของ Eminem อัลบั้ม Recovery: เนื้อหาว่าด้วยความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวของปัจเจกชน แม้จะเป็นศิลปินระดับโลกแต่บางครั้งเกิดความรู้สึกเหมือนไม่มีใครสนใจสับสนท่ามกลางความรู้สึกไม่อยากให้มีใครมาสนใจ Eminem บรรยายสภาพต่างๆ ที่ตนเองและเพื่อนในวงการประสบ ดุจดั่ง Holden Caulfield ดุ่มเดินไปตามท้องถนน https://www.youtube.com/watch?v=67CMPOsmoLw

Unwell ของ Matchbox Twenty อัลบั้ม More Than You Think You Are: Rob Thomas แห่งวง Matchbox Twenty บรรยายบรรยากาศในเนื้อเพลง Unwell เหมือนห้วงคำนึงของ Holden Caulfield แตกต่างตรงที่ Rob Thomas ใช้เวลา 2 วัน ขณะที่ J.D. Salinger ใช้เวลา 3 วันในการบรรยายความรู้สึกแปลกแยก หดหู่ และเปลี่ยนเหงาของ Holden Caulfield https://www.youtube.com/watch?v=WziA88-n02k

I’m Just a Kid ของ Simple Plan อัลบั้ม The New Guy: Music from the Motion Picture ดูเหมือนว่า เพลงนี้มีความชัดเจนที่สุดว่าเขียนขึ้นจากเรื่องราวของ Holden Caulfield ตัวละครจากนวนิยาย The Catcher in the Rye ที่บรรยายความรู้สึกได้ตรงกับห้วงความคิดประหลาดของ Holden Caulfield ตามที่ J.D. Salinger ได้บรรยายเอาไว้มากที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=koKLSBMibCc

Runaway ของ Kanye West อัลบั้ม My Beautiful Dark Twisted Fantasy: เพลงนี้ก็ชัดเจนว่าเป็นการบรรยายการเดินทางเพื่อหลีกหนีจากปัญหาชีวิตประจำวันของ Holden Caulfield ที่ Kanye West เขียนให้กับเด็กๆ ทุกคนในยุคสมัยใหม่ ที่หลายคนพยายามหลีกหนีจากปัญหาประจำวันของโลกที่ถาโถมเข้าใส่ยุคสมัย โดยหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีปัญหา https://www.youtube.com/watch?v=L7_jYl8A73g

ครั้งที่ 2 หรือครั้งสุดท้ายของ Guns N’ Roses ในเมืองไทย

หลายคนอาจไม่เข้าใจ ว่าวงร็อคอายุ 30 ปี เหตุใดจึงมีผลงานเพียง 5 ชุด แต่ถ้าได้ชมคอนเสิร์ตของ Gun N’ Roses เพียงครั้งเดียว ก็จะทราบถึงเหตุผล

เพราะเสน่ห์ของพวกเขาคือการแสดงสด ดังนั้น เขาจึงทุ่มเทเวลาไปกับการเดินสายเล่นคอนเสิร์ต มากกว่าการเข้าห้องอัด

แม้สมาชิก Classic lineup จะประกอบไปด้วย Izzy Stradlin (Guitar), Steven Adler (Drum), Axl Rose (Vocal), Duff McKagan (Bass) และ Slash (Guitar) ทว่า ที่แฟนเพลงวงกว้างรู้จักดีเห็นจะเป็น Axl Rose กับ Slash เท่านั้น (อาจรวมถึง Duff McKagan บ้าง–สำหรับบางคน)

Gun N’ Roses นอกจากจะเป็นต้นแบบให้วงร็อค 4 ชิ้น ทั้งในอเมริกาบ้านเกิด ยุโรป รวมถึงเอเชีย หลายต่อหลายวง อิทธิพลของคนคู่ Axl Rose และ Slash ยังส่งผลสะเทือนไปยังวงร็อครุ่นใหม่มากมาย ที่นักร้องนำไม่เด่นคนเดียว

แม้ในปัจจุบัน Sound แบบ Gun N’ Roses ที่เป็น Heavy Metal เจือกลิ่น Punk จะหมดยุคไปแล้ว ทว่า หัวเชื้อที่พวกเขาสร้างไว้ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับวงร็อคชั้นนำของโลกในยุคต่อมาอีกนับไม่ถ้วน

โดยเฉพาะในญี่ปุ่น Gun N’ Roses มีอิทธิพลมาก โดยเฉพาะ J-Rock Hair Band และเป็นที่ชื่นชอบของนักฟังเพลงชาวญี่ปุ่นอย่างยิ่ง แม้การทัวร์เมื่อปี ค.ศ. 2017 จะเล่นที่ญี่ปุ่นถึง 4 รอบ 4 เมือง ทว่า ตอนที่วงมาเมืองไทยในปีเดียวกัน ก็ยังเห็นคนญี่ปุ่นตามมาดูที่เมืองไทยหนาตาไม่แพ้ฝรั่ง

การที่ Gun N’ Roses ประสบความสำเร็จกับ World Tour 2017 ทำให้ ปี ค.ศ. 2022 พวกเขากลับมาอีกครั้ง และมีหรือที่ผมผู้เป็นแฟนเพลงพันธุ์แท้จะพลาด

แม้ครั้งก่อน Axl จะดูแก่เกินวัย แต่ในครั้งนี้ เขาดูฟิตขึ้น และมาพร้อมกับสปิริตเต็มเปี่ยมในการซุ่มซ้อม ยิ่งคนอื่นๆ ดูแล้วรู้เลยว่าซ้อมกันหนัก และตั้งใจกับงานนี้มากจริงๆ

Gun N’ Roses กลับมาทัวร์หลัง COVID ที่เศรษฐกิจตกสะเก็ด แถมด้วยสงครามยูเครน ทำให้สภาพคล่องของแฟนเพลงฝืดเคือง กระนั้นก็ยังคงมีแฟนพันธุ์แท้ Gun N’ Roses หนาตาพอสมควร

การวางรูปแบบการเล่น Scripts และ Setlist ค่อนข้างไหลลื่นลงตัว และถูกใจบรรดาแฟนๆ กับการเตรียมงานที่ดีกว่า แม้จะไม่สดเท่าครั้งแรก แต่รู้สึกได้ถึงมาตรฐานที่เตรียมการมาอย่างดี เต็มที่ทุกฝ่าย

แต่โจทย์คนดูน้อยกว่าครั้งก่อนค่อนข้างมาก จะทำให้ทางวงขบคิดหรือไม่ ว่าครั้งที่ 2 จะเป็นครั้งสุดท้ายของ Guns N’ Roses ในเมืองไทย?

อย่างไรก็ดี แม้ครั้งนี้ Gun N’ Roses จะไม่ได้เล่นเพลง Catcher in the Rye แต่บทเพลงนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในใจแฟนพันธุ์แท้ Gun N’ Roses ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัยรุ่นผู้อยู่ในช่วงเวลาแห่งการแสวงหาท่ามกลางปัญหาเฉพาะตัวของแต่ละคน

บทเพลง Catcher in the Rye ได้เตือนเหล่าวัยรุ่นว่า อย่าหลีกหนีจากปัญหาประจำวันของโลกที่ถาโถมเข้าใส่ยุคสมัย Gun N’ Roses ได้เตือนให้หลายคนตระหนักถึงปัญหา ทั้งๆ ที่หลายคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับปัญหา!

Post a comment

sixteen + eleven =