เรื่องของดอกไม้ ผู้ชาย และสายลม
หากกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ดอกไม้ที่เราจะนึกถึงคือ “ซากุระ” เพราะชาวญี่ปุ่นมีความผูกพันกับดอกซากุระมานับตั้งแต่โบราณ มีเทศกาลชมซากุระที่สืบเนื่องมาถึงพันปี และดอกซากุระก็ยังถูกสอดแทรกอยู่ในวัฒนธรรมต่างๆ ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องราวทางด้านศิลปะที่เรามักจะเห็นดอกซากุระปรากฎอยู่เสมอ
แต่ดอกไม้อีกชนิดที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ และถือได้ว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติ คือ “เบญจมาศ” หรือ Kiku ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยนารา โดยได้นำพันธุ์เบญจมาศจากประเทศจีนมาทำเป็นยา หลังจากนั้นดอกเบญจมาศก็เข้ามามีบทบาทกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น จนกลายเป็นดอกไม้ประจำราชวงศ์ ปรากฎอยู่บนตราของจักรพรรดิและพระบรมวงศ์ ใช้ในธงประจำพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น และ เป็นสัญลักษณ์บนหนังสือเดินทางของชาวญี่ปุ่น ฯลฯ โดยแบ่งแยกสถานะของสัญลักษณ์ด้วยจำนวนกลีบและชั้นของดอก
อยากรู้จักดอกเบญจมาศในเมืองไทยอย่างใกล้ชิดต้องไปที่สวนบิ๊กเต้ แปลงดอกไม้ใกล้กรุงขวัญใจคนจากทั่วทุกสารทิศ เพราะที่นี่เป็นแปลงดอกเบญจมาศที่ออกดอกทั้งปีโดยไม่ต้องรอฤดูกาล แต่จะพิเศษทั้งด้านอารมณ์และสีสันที่น่าชมในช่วงหน้าหนาว
คุณเต้-กิตติคุณ พรหมพิทักษ์ เจ้าของสวนบิ๊กเต้ (Big Tae Garden) เล่าว่า ดอกเบญจมาศเป็นพืชเมืองหนาว เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในจีน และขยายไปทั่วทั้งเอเชียและยุโรป เดิมทีมีเพียงสีขาวและสีเหลือง แต่ผ่านการพัฒนาสายพันธุ์จนมีมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ เราจึงเห็นทั้งรูปร่างหน้าตาและสีสันที่หลากหลายมาก แต่สีหลักๆ ของเบญจมาศมี 7 สี คือ ขาว เหลือง ชมพู ม่วง ส้ม แดง เขียว
เท้าความไปราว 12 ปีที่แล้ว คุณเต้และครอบครัวเป็นหนึ่งในคนไทยที่น้อมนำพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ภายใต้แนวคิดที่ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม อุตสาหกรรมการเกษตรจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมของประเทศไทย ในตอนนั้นทางครอบครัวของคุณเต้ได้ทำการศึกษาและเลือกปลูกดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีพวกเขาชื่นชอบในความสวยงาม และมีความต้องการใช้งานมากในประเทศไทย ขณะที่ปริมาณการปลูกในประเทศยังไม่เพียงพอ จนต้องอาศัยการนำเข้า
ทั้งนี้เมื่อศึกษาแล้วพบว่า เบญจมาศเป็นพืชเมืองหนาว แม้ว่าพื้นที่บริเวณมวกเหล็ก ซึ่งเป็นสวนเบญจมาศในปัจจุบัน จะมีความสูงจากน้ำทะเลเพียง 500 เมตร แต่เมื่อได้เห็นตัวอย่างของแปลงเบญจมาศบริเวณวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งมีความสูงในระดับที่ใกล้เคียงกันแล้ว จึงตัดสินใจเลือกปลูกดอกเบญจมาศมาตั้งแต่บัดนั้น และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมราว 3-4 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันสวนบิ๊กเต้ มีพื้นที่ปลูกดอกเบญจมาศราว 100 ไร่ ถือว่าเป็นแปลงดอกเบญจมาศขนาดใหญ่ ด้วยความสวยงามของเบญจมาศหลากหลายสายพันธุ์จึงทำให้มีผู้สนใจเข้ามาท่องเที่ยวสวนบิ๊กเต้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีละครมาถ่ายทำจนทำให้ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นไปอีก
“ดอกเบญจมาศที่สวนบิ๊กเต้ อาจจะมีสีสันหรือขนาดที่ใหญ่สู้กับทางภาคเหนือที่มีอากาศเหมาะสมกว่า แต่ด้วยปริมาณ และความรวดเร็วในการขนส่งทำให้ เราสามารถส่งดอกไม้ที่มีความสดให้กับร้านดอกไม้ได้ เราจึงสู้ได้ที่ความสดและความรวดเร็ว” คุณเต้กล่าว
การเข้าชมแปลงดอกเบญจมาศที่สวนบิ๊กเต้ สามารถทำได้ตลอด 365 วัน เพราะที่นี่จะมีดอกเบญจมาศชูช่อรอคอยอยู่ในทุกวัน จะมากน้อยก็ตามแต่ช่วงเวลา แต่การันตีว่า มีแน่นอน
โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ที่เราได้เดินทางไปเที่ยวสวนบิ๊กเต้อีกครั้ง รอบนี้เห็นอย่างได้ชัดถึงการพัฒนาและขยายพื้นที่เพิ่มเติม วันนี้เราไม่สามารถนับจำนวนสายพันธุ์หรือสีของดอกเบญจมาศที่บิ๊กเต้ได้อย่างแน่ชัด แต่ที่แน่ๆ มีครบทั้ง 7 สีหลัก ท่ามกลางความความสวยงามอ่อนหวานละลานตา เป็นอีกช่วงเวลาแห่งความสดชื่น
เราเดินไปในแปลงดอกเบญจมาศอย่างระมัดระวัง แม้พวกมันจะดูแข็งแรงแต่ก็ได้ชื่อว่าดอกไม้ที่ต้องการความทนุถนอม เห็นคนเก็บเบญจมาศกระจายตัวกันตามจุดต่างๆ เก็บแล้วมามัดรวมกันเป็นหอบใหญ่พร้อมเข้ากระบวนการส่งจำหน่าย พวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ ว่าเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้ภาพประทับใจในวันนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“ไม่มีวันไหนไม่มีดอกไม้” นี่คือสิ่งที่คุณเต้การันตี ที่นี่มีค่าเข้าชมเพียง 20 บาท สามารถนำมาแลกเป็นส่วนลด 5 บาทที่ร้านกาแฟ ซึ่งเป็นอีกจุดนั่งชมวิวแปลงเบญจมาศอิงแนวเขา นั่งจิบกาแฟอุ่นๆ ชมทุ่งดอกไม้หวานๆ น้ำตาลคงไม่ต้อง
เบญจมาศเป็นดอกไม้ที่เราคุ้นเคยกันดี พบได้ทุกที่ ทุกงาน ไม่ว่าจะงานสุขงานเศร้า เบญจมาศก็อยู่กับเราเสมอ ทำให้ทิศทางการตลาดยังคงไปได้สวย
แม้จะรวมตัวกันอยู่เฉยๆ ในวันธรรมดา ก็ยังสวย
- สวนบิ๊กเต้ (Big Tae Garden) ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรีเปิดทุกวัน 8.00-17.30 น. โทร. 08 1878 4569
- การเข้าชมควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง
- ในร้านกาแฟยังมีช่อเบญจมาศให้เลือกซื้อกลับบ้าน