Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

สวนเสาวรสเทพสถิต คิดแบบเกษตรอินทรีย์ วิถีชัยภูมิ

ตามปกติแล้วเวลาจะกินผักหรือผลไม้ ใคร ๆ  ก็ต้องการความสด ใหม่ หากได้เก็บจากต้นหมาด ๆ ก็ยิ่งดี แต่เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่สำหรับผลไม้แห่งความปรารถนาอันแรงกล้า “Passion Fruit” ที่ยืนยันมาแล้วว่า “ยิ่งเหี่ยวยิ่งอร่อย”

Passion Fruit เสาวรส หรือ กะทกรก เป็นผลไม้ที่ไม่ได้ปลูกกันอย่างแพร่หลายนักในเมืองไทย เนื่องจากต้องใช้ดินที่มีความชุ่มชื้นแต่ก็ต้องระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดเพียงพอ พื้นที่สูงจึงมีความได้เปรียบ

อีกทั้งเสาวรสที่เพาะพันธุ์ปลูกกันในเมืองไทย ก็มีรสชาติเปรี้ยวนำ บ้างก็ว่ายากต่อการเปิดใจ แม้จะรู้ดีว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย แต่หลายคนก็ขอบายเพราะไม่ถูกใจในรสชาติ

แต่เสาวรสในโลกนี้มีหลากหลายสายพันธุ์ หนึ่งในประเทศที่มีการวิจัยและพัฒนาเสาวรสอย่างจริงจังก็คือ “ไต้หวัน” ถึงขั้นที่มีเสาวรสพันธุ์ “ไทนุง” ซึ่งใช้คำว่า Tai จาก Taiwan  ส่วน Nung เป็นภาษาจีนในไต้หวันหมายถึง “การเกษตร” เสาวรสพันธุ์ไทนุง จึงเป็นหน้าเป็นตาของการเกษตรไต้หวัน และเป็นพันธุ์ที่ใครได้ชิมแล้วจะติดใจในรสชาติ เปรี้ยวหวานลงตัว หอม อร่อย กินแล้วรู้สึกสดชื่นมาก ๆ

คุณสุชัย ในร่มไม้ใหญ่ต้นกระถินเทพา

คิดถึงธรรมชาติ คิดถึง อ.เทพสถิต

จะชิมเสาวรสพันธุ์ไทนุงในเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งเป็นเสาวรสที่ปลูกแบบออร์แกนิค ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ด้วยความโดดเด่นที่ว่ามา บวกกับช่องว่างทางการตลาดที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ “สุชัย พงษ์ไกรกิตติ” จึงสนใจที่จะปลูกเสาวรสอย่างจริงจัง

สวนเสาวรสเทพสถิต ไร่ร่มไม้ มีพื้นที่ราว 60 ไร่ เป็นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 700 เมตร มีสภาพอากาศที่ดีเหมาะกับการเกษตร และมีโอกาสที่จะมีน้ำท่วมขังเกิดขึ้นได้น้อยมาก หลายคนทราบดีว่าที่นี่เป็นแหล่งปลูกผลไม้ที่มีรสชาติดีทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ฯลฯ

ย้อนไปเมื่อ 25 ปีที่แล้ว คุณสุชัยได้น้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้กับพื้นที่ จากประโยคที่จำได้ขึ้นใจว่า “ที่ไหนมีน้ำ ที่นั่นมีชีวิต” การเข้ามาปรับสภาพที่ดินในช่วงเริ่มต้น จึงเริ่มจากการขุดสระน้ำเป็นอย่างแรก

จากนั้นก็เริ่มปลูกป่า เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดี ตามมาด้วยการปลูกผลไม้อีกกว่า 10 ชนิด ทั้งมะม่วง เงาะ แก้วมังกร ฯลฯ ล้อมพื้นที่โดยรอบด้วยต้นไผ่ที่สามารถนำต้นมาใช้ทำค้าง ใช้ใบไปทำปุ๋ย และนำไปปูเป็นทางเดิน กันลื่น กันเลอะ ในช่วงหน้าฝน

“ไทนุง” กับการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

มาถึงปี 2558 ด้วยความที่ชื่นชอบผลไม้เพื่อสุขภาพ คุณสุชัยได้ตัดสินใจซื้อพันธุ์เสาวรสในเมืองไทยมาปลูก แต่ก็ไม่สำเร็จ เกิดการติดโรค ลำต้นอ่อนแอ ผลไม่ดก ไม่สวยงามดั่งใจหวัง

ในตอนนั้นทางสวนได้แชร์ข้อมูลการปลูกเสาวรสผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อบริษัทที่ผลิตต้นพันธุ์เสาวรสในไต้หวันได้ทราบ จึงติดต่อเข้ามาเพื่อแนะนำต้นพันธุ์ให้ ตอนแรกคุณสุชัยก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าจะซื้อจากไต้หวันทำไม ในเมื่อเมืองไทยก็มี

แต่เสาวรสที่พยายามประคบประหงมมา 2 ปีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าจะไปได้สวย จึงตัดสินใจเดินทางไปศึกษาถึงไต้หวันว่าต้นพันธุ์ของทางโน้นเป็นอย่างไร จนได้เจอกับเสาวรสพันธุ์ไทนุง ซึ่งถือเป็น “Signature” ของไต้หวันที่ส่งขายทั่วโลก และได้รู้ว่า 80% ของคนที่กินเสาวรสชื่นชอบสายพันธุ์นี้มาก

ในปี 2561 คุณสุชัยเริ่มปลูกเสาวรสสายพันธุ์ไต้หวัน  ทั้งต้นพันธุ์ที่ดีและองค์ความรู้ที่ได้มา ทำให้สวนเสาวรสของเขาออกเดินหน้าอีกครั้ง เริ่มต้นจาก 1,500 ต้น ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ไทนุง ที่เหลือคือเสาวรสที่มีรสชาติหวานนำที่อันเป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน ทั้ง “ฟูลสตาร์” และ “โกลเด้นท์”

เปลี่ยนต้นพันธุ์ใหม่แบบปีต่อปี

ผลของการเริ่มต้นอีกครั้งออกมาอย่างน่าภูมิใจ ต้นที่ลงปลูกไปมีอัตรารอดถึง 95% ผลดก งาม ปลูกเพียง 5 เดือนก็เริ่มเก็บผลผลิตได้ และเก็บต่อไปจนถึงเดือนที่ 11 หรือ 12 รวม ๆ ช่วงเวลาในการเก็บผลถึง 6-7 เดือน

หลังจากเก็บผลผลิตหมดแล้ว จะทำการรื้อต้นเก่าออกไป แล้วนำต้นพันธุ์ชุดใหม่ลงปลูก เนื่องจากเสาวรสเป็นผลไม้ลูกดก เมื่อออกผลรอบหนึ่งไปแล้ว ท่อลำเลียงอาหารในลำต้นย่อมมีความเสื่อมสภาพ ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาช่วงเวลาหนึ่ง เป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องเปลี่ยนต้นพันธุ์ใหม่แบบปีต่อปี

ปัจจุบันที่นี่คือสวนเกษตรอินทรีย์ที่มีผู้เข้ามาเรียนรู้ ศึกษาดูงาน เป็นประโยชน์ให้กับผู้คนได้อีกมาก ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ความสุขสนุกสนาน มีมุมต้นไม้ยักษ์อย่าง “กระถินเทพา” เป็นจุดเช็คอิน

“ในหลวง ร9 เป็นแบบอย่างที่เราเดินตามรอย ผมจำได้ถึงประโยคที่ท่านบอกว่า ที่ไหนมีน้ำที่นั่นมีชีวิต เริ่มต้นเราจึงขุดสระไว้ก่อนเลย และเริ่มปลูกต้นไม้จาก 3-4 ต้น กลายเป็นพันเป็นหมื่นต้นในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าป่าจะเป็นตัวซับน้ำ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนดิน เวลากลางวันที่ใบไม้คายน้ำ เมื่อลมพัดมาก็จะเย็นสบาย ตกกลางคืนก็จะมีหิ่งห้อย  เพราะสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีสารเคมีเจือปน เป็นความตั้งใจของเราในการสร้างระบบนิเวศที่ดีให้กับธรรมชาติ และส่งต่อผลผลิตที่ดีต่อสุขภาพให้กับทุกคน”

ระบบนิเวศที่ดี ย่อมมีทั้งมิตรและศัตรู

อย่างไรก็ตาม คุณสุชัย บอกว่า การทำสวนเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องอาศัยความใส่ใจ ใช้เวลาอยู่กับมันอย่างสม่ำเสมอ และอาจจะต้องเจอความท้าทายอีกมากมายนัก อย่างการสร้างระบบนิเวศที่ดี ย่อมมีแมลงนานาชนิดมาอาศัยอยู่ในไร่ ทั้งแมลงที่เป็นมิตรและศัตรูพืช

แมลงที่เป็นมิตรอย่าง ผึ้ง และชันโรง จะช่วยผสมเกสรให้ดอกของไม้ผล ส่วนแมลงที่เป็นศัตรูคอยมากัดกิน ก็จะใช้วิธีธรรมชาติมาจัดการ อาทิ การใช้น้ำส้มควันไม้ การทำมุ้งตาข่าย เพื่อเลี่ยงการใช้สารเคมีอย่างเด็ดขาด ส่วนปุ๋ยก็ทำเองจากวัสดุธรรมชาติล้วน ๆ อีกทั้งยังมีการทำแนวกันชนธรรมชาติ ใช้แนวต้นไผ่และต้นกระถินเทพา ช่วยกันสารเคมีจากภายนอกเข้ามาอีกด้วย

“ต้นไหนที่เจอแมลงรุมเร้าจนเอาไม่อยู่ ก็ต้องตัดสินใจปล่อยให้ตายแล้วทิ้งไป เพื่อให้ผลไม้ในสวนยังคงปลอดภัยจากสารเคมี จาก 100 ต้น หากต้องตาย 4-5 ต้นก็ไม่เป็นไร เพื่อให้ผลผลิตถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยจากสารเคมีปนเปื้อน”

อะไรเอ่ย ยิ่งเหี่ยวยิ่งอร่อย

ปัจจุบันผลผลิตของสวนเสาวรสเทพสถิต ทั้งแบบผลสด เนื้อแช่แข็ง และสินค้าแปรรูป มีวางจำหน่ายในสวน และสามารถติดต่อได้ทางสวนได้โดยตรง

“ยิ่งเหี่ยวยิ่งอร่อย” เป็นอีกจุดเด่นของเสาวรส เพราะสามารถเก็บไว้ได้นานกว่า 10 วันในอุณหภูมิห้อง จึงไม่ต้องถูกกดดันให้รีบขาย และพอผลเหี่ยวก็ยิ่งอร่อย เหี่ยวแล้วนำไปแช่ตู้เย็นก็ยังอยู่ได้อีกหลายสัปดาห์ เป็นรสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิม จากสายพันธุ์นำเข้าโดยตรง แถมยังปลูกแบบออร์แกนิค ใช้ความละเอียดในการดูแลเป็นอย่างดี

ทาร์ตเสาวรส

ไอศกรีมเสาวรส

วันนี้เรามาถึงสวน เดินชมกันเป็นชั่วโมงแล้วมาชิมเสาวรสสด ๆ แช่เย็นชื่นใจดีแท้ รสหวานอมเปรี้ยว หอมเป็นเอกลักษณ์ กินง่าย ได้สุขภาพ แถมยังชื่นใจกับผลผลิตที่นำมาแปรรูปเป็นไอศกรีมเสาวรส และทาร์ตเสาวรสที่ละมุนลิ้นสุด ๆ ส่วนน้ำเสาวรสก็กดปุ่มรีเฟรชได้ดีมาก ใครอยากกินต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น การเข้าชมก็เช่นกัน เพราะทางเจ้าบ้านจะได้เตรียมการรับรองอย่างเต็มที่

ผลผลิตในวันนี้ยังไม่พอขาย แม้ว่าจะมีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาทั้งตลาดในและต่างประเทศ แต่ต้องยอมรับว่า การทำเกษตรอินทรีย์ ต้องใช้การดูแลอย่างใกล้ชิด จะปลูกเพิ่มได้เท่าที่จะดูแลไหวเท่านั้น

เกษตรอินทรีย์ วิถีที่ดีต่อทุกฝ่าย

นี่คือแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่อิงอยู่กับความเป็นธรรมชาติ ยังมีรูปแบบความเป็นสวนแบบทั่ว ๆ ไป แต่มีการจัดการสภาพแวดล้อมได้ดี มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ใครที่ชื่นชอบแนวนี้ก็จะสัมผัสถึงความงดงามในบรรยากาศเรียบง่ายแบบนี้ได้

แม้วันนี้สวนเสาวรสเทพสถิตจะเดินทางมาถึงจุดที่น่าพอใจ แต่เป้าหมายก็มีไว้ให้ก้าวต่อไปเสมอ ทางสวนยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี มีอากาศบริสุทธิ์ มีเงาไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ มีผลผลิตที่ปลอดภัยส่งต่อให้กับผู้บริโภค และยังคงพัฒนาต่อไปโดยไม่หยุดอยู่กับที่

ทั้งนี้เพื่อจอกย้ำว่า แม้จะไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่โอ่อ่า แต่มีระบบนิเวศที่สร้างมาเพื่อให้ทุกคนได้ชื่นใจไปอีกนาน  

สวนเสาวรสเทพสถิต ไร่ร่มไม้

ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ

(กรุณาติดต่อล่วงหน้าสำหรับการเข้าชม)

โทร. 086 898 5506, 081 802 9741

Line: @passionfruit_ts

Facebook: เสาวรสเทพสถิต

Post a comment

seven − three =