สวนเสาวรสเทพสถิต คิดแบบเกษตรอินทรีย์ วิถีชัยภูมิ
ตามปกติแล้วเวลาจะกินผักหรือผลไม้ ใคร ๆ ก็ต้องการความสด ใหม่ หากได้เก็บจากต้นหมาด ๆ ก็ยิ่งดี แต่เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่สำหรับผลไม้แห่งความปรารถนาอันแรงกล้า “Passion Fruit” ที่ยืนยันมาแล้วว่า “ยิ่งเหี่ยวยิ่งอร่อย”
Passion Fruit เสาวรส หรือ กะทกรก เป็นผลไม้ที่ไม่ได้ปลูกกันอย่างแพร่หลายนักในเมืองไทย เนื่องจากต้องใช้ดินที่มีความชุ่มชื้นแต่ก็ต้องระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดเพียงพอ พื้นที่สูงจึงมีความได้เปรียบ
อีกทั้งเสาวรสที่เพาะพันธุ์ปลูกกันในเมืองไทย ก็มีรสชาติเปรี้ยวนำ บ้างก็ว่ายากต่อการเปิดใจ แม้จะรู้ดีว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย แต่หลายคนก็ขอบายเพราะไม่ถูกใจในรสชาติ
แต่เสาวรสในโลกนี้มีหลากหลายสายพันธุ์ หนึ่งในประเทศที่มีการวิจัยและพัฒนาเสาวรสอย่างจริงจังก็คือ “ไต้หวัน” ถึงขั้นที่มีเสาวรสพันธุ์ “ไทนุง” ซึ่งใช้คำว่า Tai จาก Taiwan ส่วน Nung เป็นภาษาจีนในไต้หวันหมายถึง “การเกษตร” เสาวรสพันธุ์ไทนุง จึงเป็นหน้าเป็นตาของการเกษตรไต้หวัน และเป็นพันธุ์ที่ใครได้ชิมแล้วจะติดใจในรสชาติ เปรี้ยวหวานลงตัว หอม อร่อย กินแล้วรู้สึกสดชื่นมาก ๆ
คิดถึงธรรมชาติ คิดถึง อ.เทพสถิต
จะชิมเสาวรสพันธุ์ไทนุงในเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งเป็นเสาวรสที่ปลูกแบบออร์แกนิค ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ด้วยความโดดเด่นที่ว่ามา บวกกับช่องว่างทางการตลาดที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ “สุชัย พงษ์ไกรกิตติ” จึงสนใจที่จะปลูกเสาวรสอย่างจริงจัง
สวนเสาวรสเทพสถิต ไร่ร่มไม้ มีพื้นที่ราว 60 ไร่ เป็นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 700 เมตร มีสภาพอากาศที่ดีเหมาะกับการเกษตร และมีโอกาสที่จะมีน้ำท่วมขังเกิดขึ้นได้น้อยมาก หลายคนทราบดีว่าที่นี่เป็นแหล่งปลูกผลไม้ที่มีรสชาติดีทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ฯลฯ
ย้อนไปเมื่อ 25 ปีที่แล้ว คุณสุชัยได้น้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้กับพื้นที่ จากประโยคที่จำได้ขึ้นใจว่า “ที่ไหนมีน้ำ ที่นั่นมีชีวิต” การเข้ามาปรับสภาพที่ดินในช่วงเริ่มต้น จึงเริ่มจากการขุดสระน้ำเป็นอย่างแรก
จากนั้นก็เริ่มปลูกป่า เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดี ตามมาด้วยการปลูกผลไม้อีกกว่า 10 ชนิด ทั้งมะม่วง เงาะ แก้วมังกร ฯลฯ ล้อมพื้นที่โดยรอบด้วยต้นไผ่ที่สามารถนำต้นมาใช้ทำค้าง ใช้ใบไปทำปุ๋ย และนำไปปูเป็นทางเดิน กันลื่น กันเลอะ ในช่วงหน้าฝน
“ไทนุง” กับการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
มาถึงปี 2558 ด้วยความที่ชื่นชอบผลไม้เพื่อสุขภาพ คุณสุชัยได้ตัดสินใจซื้อพันธุ์เสาวรสในเมืองไทยมาปลูก แต่ก็ไม่สำเร็จ เกิดการติดโรค ลำต้นอ่อนแอ ผลไม่ดก ไม่สวยงามดั่งใจหวัง
ในตอนนั้นทางสวนได้แชร์ข้อมูลการปลูกเสาวรสผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อบริษัทที่ผลิตต้นพันธุ์เสาวรสในไต้หวันได้ทราบ จึงติดต่อเข้ามาเพื่อแนะนำต้นพันธุ์ให้ ตอนแรกคุณสุชัยก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าจะซื้อจากไต้หวันทำไม ในเมื่อเมืองไทยก็มี
แต่เสาวรสที่พยายามประคบประหงมมา 2 ปีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าจะไปได้สวย จึงตัดสินใจเดินทางไปศึกษาถึงไต้หวันว่าต้นพันธุ์ของทางโน้นเป็นอย่างไร จนได้เจอกับเสาวรสพันธุ์ไทนุง ซึ่งถือเป็น “Signature” ของไต้หวันที่ส่งขายทั่วโลก และได้รู้ว่า 80% ของคนที่กินเสาวรสชื่นชอบสายพันธุ์นี้มาก
ในปี 2561 คุณสุชัยเริ่มปลูกเสาวรสสายพันธุ์ไต้หวัน ทั้งต้นพันธุ์ที่ดีและองค์ความรู้ที่ได้มา ทำให้สวนเสาวรสของเขาออกเดินหน้าอีกครั้ง เริ่มต้นจาก 1,500 ต้น ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ไทนุง ที่เหลือคือเสาวรสที่มีรสชาติหวานนำที่อันเป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน ทั้ง “ฟูลสตาร์” และ “โกลเด้นท์”
เปลี่ยนต้นพันธุ์ใหม่แบบปีต่อปี
ผลของการเริ่มต้นอีกครั้งออกมาอย่างน่าภูมิใจ ต้นที่ลงปลูกไปมีอัตรารอดถึง 95% ผลดก งาม ปลูกเพียง 5 เดือนก็เริ่มเก็บผลผลิตได้ และเก็บต่อไปจนถึงเดือนที่ 11 หรือ 12 รวม ๆ ช่วงเวลาในการเก็บผลถึง 6-7 เดือน
หลังจากเก็บผลผลิตหมดแล้ว จะทำการรื้อต้นเก่าออกไป แล้วนำต้นพันธุ์ชุดใหม่ลงปลูก เนื่องจากเสาวรสเป็นผลไม้ลูกดก เมื่อออกผลรอบหนึ่งไปแล้ว ท่อลำเลียงอาหารในลำต้นย่อมมีความเสื่อมสภาพ ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาช่วงเวลาหนึ่ง เป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องเปลี่ยนต้นพันธุ์ใหม่แบบปีต่อปี
ปัจจุบันที่นี่คือสวนเกษตรอินทรีย์ที่มีผู้เข้ามาเรียนรู้ ศึกษาดูงาน เป็นประโยชน์ให้กับผู้คนได้อีกมาก ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ความสุขสนุกสนาน มีมุมต้นไม้ยักษ์อย่าง “กระถินเทพา” เป็นจุดเช็คอิน
“ในหลวง ร9 เป็นแบบอย่างที่เราเดินตามรอย ผมจำได้ถึงประโยคที่ท่านบอกว่า ที่ไหนมีน้ำที่นั่นมีชีวิต เริ่มต้นเราจึงขุดสระไว้ก่อนเลย และเริ่มปลูกต้นไม้จาก 3-4 ต้น กลายเป็นพันเป็นหมื่นต้นในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าป่าจะเป็นตัวซับน้ำ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนดิน เวลากลางวันที่ใบไม้คายน้ำ เมื่อลมพัดมาก็จะเย็นสบาย ตกกลางคืนก็จะมีหิ่งห้อย เพราะสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีสารเคมีเจือปน เป็นความตั้งใจของเราในการสร้างระบบนิเวศที่ดีให้กับธรรมชาติ และส่งต่อผลผลิตที่ดีต่อสุขภาพให้กับทุกคน”
ระบบนิเวศที่ดี ย่อมมีทั้งมิตรและศัตรู
อย่างไรก็ตาม คุณสุชัย บอกว่า การทำสวนเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องอาศัยความใส่ใจ ใช้เวลาอยู่กับมันอย่างสม่ำเสมอ และอาจจะต้องเจอความท้าทายอีกมากมายนัก อย่างการสร้างระบบนิเวศที่ดี ย่อมมีแมลงนานาชนิดมาอาศัยอยู่ในไร่ ทั้งแมลงที่เป็นมิตรและศัตรูพืช
แมลงที่เป็นมิตรอย่าง ผึ้ง และชันโรง จะช่วยผสมเกสรให้ดอกของไม้ผล ส่วนแมลงที่เป็นศัตรูคอยมากัดกิน ก็จะใช้วิธีธรรมชาติมาจัดการ อาทิ การใช้น้ำส้มควันไม้ การทำมุ้งตาข่าย เพื่อเลี่ยงการใช้สารเคมีอย่างเด็ดขาด ส่วนปุ๋ยก็ทำเองจากวัสดุธรรมชาติล้วน ๆ อีกทั้งยังมีการทำแนวกันชนธรรมชาติ ใช้แนวต้นไผ่และต้นกระถินเทพา ช่วยกันสารเคมีจากภายนอกเข้ามาอีกด้วย
“ต้นไหนที่เจอแมลงรุมเร้าจนเอาไม่อยู่ ก็ต้องตัดสินใจปล่อยให้ตายแล้วทิ้งไป เพื่อให้ผลไม้ในสวนยังคงปลอดภัยจากสารเคมี จาก 100 ต้น หากต้องตาย 4-5 ต้นก็ไม่เป็นไร เพื่อให้ผลผลิตถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยจากสารเคมีปนเปื้อน”
อะไรเอ่ย ยิ่งเหี่ยวยิ่งอร่อย
ปัจจุบันผลผลิตของสวนเสาวรสเทพสถิต ทั้งแบบผลสด เนื้อแช่แข็ง และสินค้าแปรรูป มีวางจำหน่ายในสวน และสามารถติดต่อได้ทางสวนได้โดยตรง
“ยิ่งเหี่ยวยิ่งอร่อย” เป็นอีกจุดเด่นของเสาวรส เพราะสามารถเก็บไว้ได้นานกว่า 10 วันในอุณหภูมิห้อง จึงไม่ต้องถูกกดดันให้รีบขาย และพอผลเหี่ยวก็ยิ่งอร่อย เหี่ยวแล้วนำไปแช่ตู้เย็นก็ยังอยู่ได้อีกหลายสัปดาห์ เป็นรสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิม จากสายพันธุ์นำเข้าโดยตรง แถมยังปลูกแบบออร์แกนิค ใช้ความละเอียดในการดูแลเป็นอย่างดี
วันนี้เรามาถึงสวน เดินชมกันเป็นชั่วโมงแล้วมาชิมเสาวรสสด ๆ แช่เย็นชื่นใจดีแท้ รสหวานอมเปรี้ยว หอมเป็นเอกลักษณ์ กินง่าย ได้สุขภาพ แถมยังชื่นใจกับผลผลิตที่นำมาแปรรูปเป็นไอศกรีมเสาวรส และทาร์ตเสาวรสที่ละมุนลิ้นสุด ๆ ส่วนน้ำเสาวรสก็กดปุ่มรีเฟรชได้ดีมาก ใครอยากกินต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น การเข้าชมก็เช่นกัน เพราะทางเจ้าบ้านจะได้เตรียมการรับรองอย่างเต็มที่
ผลผลิตในวันนี้ยังไม่พอขาย แม้ว่าจะมีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาทั้งตลาดในและต่างประเทศ แต่ต้องยอมรับว่า การทำเกษตรอินทรีย์ ต้องใช้การดูแลอย่างใกล้ชิด จะปลูกเพิ่มได้เท่าที่จะดูแลไหวเท่านั้น
เกษตรอินทรีย์ วิถีที่ดีต่อทุกฝ่าย
นี่คือแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่อิงอยู่กับความเป็นธรรมชาติ ยังมีรูปแบบความเป็นสวนแบบทั่ว ๆ ไป แต่มีการจัดการสภาพแวดล้อมได้ดี มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ใครที่ชื่นชอบแนวนี้ก็จะสัมผัสถึงความงดงามในบรรยากาศเรียบง่ายแบบนี้ได้
แม้วันนี้สวนเสาวรสเทพสถิตจะเดินทางมาถึงจุดที่น่าพอใจ แต่เป้าหมายก็มีไว้ให้ก้าวต่อไปเสมอ ทางสวนยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี มีอากาศบริสุทธิ์ มีเงาไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ มีผลผลิตที่ปลอดภัยส่งต่อให้กับผู้บริโภค และยังคงพัฒนาต่อไปโดยไม่หยุดอยู่กับที่
ทั้งนี้เพื่อจอกย้ำว่า แม้จะไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่โอ่อ่า แต่มีระบบนิเวศที่สร้างมาเพื่อให้ทุกคนได้ชื่นใจไปอีกนาน
สวนเสาวรสเทพสถิต ไร่ร่มไม้
ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
(กรุณาติดต่อล่วงหน้าสำหรับการเข้าชม)
โทร. 086 898 5506, 081 802 9741
Line: @passionfruit_ts
Facebook: เสาวรสเทพสถิต