ล่องเรือชมเหยี่ยวแดง แห่งแม่น้ำเวฬุ จันทบุรี
เท่าที่พบเจอมาในประเทศไทย วิธีการชมเหยี่ยวแดงที่ง่ายดายที่สุด คือ ไปที่ร้านอาหารคนพลัดถิ่น จ.ตราด ช่วงเวลาหลักที่ทางร้านจะเรียกฝูงเหยี่ยวมาด้วยการให้อาหาร คือ ช่วงเที่ยงไปจนถึงบ่ายสาม สั่งอาหารแล้วนั่งรอชมกันได้เลย
ด้วยสภาพของป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ สอดคล้องกับแหล่งอาศัยของเจ้าเหยี่ยวแดงในบริเวณปากอ่าว บวกกับความบังเอิญของเจ้าของร้านที่ขุดบ่อตกปลาขึ้นมา เมื่อให้อาหารปลาก็มีเจ้าเหยี่ยวเข้ามาขอเอี่ยว จากนั้นพวกมันก็ชักชวนกันมาเป็นฝูงใหญ่ โปรยอาหารเมื่อไหร่ก็จะออกมาโฉบไปมา ยกเว้นวันฝนตกที่จะซุ่มอยู่ในป่าเท่านั้น “คนพลัดถิ่น” จึงกลายเป็นแหล่งรวมช่างภาพสายดูนก รวมทั้งสายเที่ยวไปโดยปริยาย แต่ที่ดึงดูดใจได้ไม่แพ้กันก็คือรสชาติของอาหารที่จัดว่าเด็ดมานานแล้ว
ถ้าจะดูเหยี่ยวช่วงเย็น ๆ ก็แวะไปที่ร้าน “ทิวธารา” ปากคลองน้ำเชี่ยว อ.เมือง ตราด เป็นอีกจุดชมเหยี่ยวสุดเฟี้ยวไม่แพ้กัน
นอกจากร้านคนพลัดถิ่น พื้นที่รอยต่อจังหวัดตราดและจันทบุรี บริเวณ “แม่น้ำเวฬุ” ก็เป็นแหล่งอาศัยของเหยี่ยวแดง แต่ที่นี่มีกิจกรรมที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับพวกมันแบบไปไหนไปกัน
กิจกรรมล่องเรือชมเหยี่ยวแดงในแม่น้ำเวฬุ ณ หมู่บ้านไร้แผ่นดิน (ซึ่งหมายถึงการดำรงชีวิตอยู่ในลุ่มน้ำ) อ.ขลุง จ.จันทบุรี ในทริปนี้รวมอยู่ในแพ็กเกจของ “บ้านมณีแดงโฮมสเตย์” ที่พักใน อ.แหลมสิงห์ แต่อยู่ไม่ไกลจากจุดชมเหยี่ยวแดง นั่งรถสองแถวของทางรีสอร์ตไปประมาณ 15 นาทีเท่านั้น
ที่บ้านมณีแดงฯเป็นที่พักน่ารัก ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะมาก รวมทั้งการปลูกป่าโกงกาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่รีสอร์ต ตื่นเช้ามาออกจากห้องพักก็สามารถออกไปเดินเล่นในป่าโกงกางได้เลย จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คืออาหารทะเลสด ๆ รสชาติดี จึงเป็นที่ประทับใจของลูกค้า
เวลาที่เหมาะกับการออกไปชมเหยี่ยวแดงคือช่วงเย็น ๆ บ่ายสามโมงเป็นต้นไป เมื่อไปถึงท่าเรือ ทุกคนจะได้รับเสื้อชูชีพ มีทั้งแบบแพเปียก หรือนั่งเรือ จากนั้นก็ล่องไปแบบช้า ๆ เข้าสู่ลำคลองที่คดเคี้ยวไปในป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์
ระหว่างการล่องเรือ คนเรือก็จะนำของโปรดของเหยี่ยวมาโปรยเป็นระยะ เพื่อเชื้อเชิญให้พวกมันเดินทางไปกับเราจนเกือบถึงปากอ่าว อันเป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามมาก กลางคืนยังเป็นแหล่งชมหิ่งห้อย สามารถเข้าพักในรูปแบบโฮมสเตย์ที่ดูแลโดยชาวบ้านในพื้นที่ รายละเอียดและราคาค่าบริการต่าง ๆ สามารถสอบถามไปยังโฮมสเตย์ต่าง ๆ ได้เลย
ระยะเวลาไป-กลับ ราว 1.30 ชั่วโมง เป็นช่วงที่คุ้มค่ามาก เราได้ออกไปสูดลมหายใจในผืนป่าอันเขียวขจี คดเคี้ยวไปในลำคลองที่โค้งเว้า บรรยากาศที่เงียบสงบทำให้รู้สึกถึงความอิ่มเอมได้เป็นอย่างดี
ฝูงเหยี่ยวโบยบินไปตามลำน้ำ บ้างก็ลงมาโฉบเฉี่ยวเหยื่อเป็นระยะ เมื่อแสงแห่งวันเริ่มลาลับ พวกมันก็แยกตัวกลับบ้าน ซุ่มอาศัยอยู่ในป่าผืนกว้าง พร้อมด้วยเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่พักพิงอย่างเย็นใจในดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้