จุดพลุเปิดเมืองพัทยา กับเป้าหมาย “เมืองต้นแบบ”
ได้ประจักษ์ต่อสายตาแล้วว่า “พัทยา” กลับมาเนื้อหอมอีกครั้ง
หอมจนทำให้ผึ้งแตกรัง เพราะล่าสุดกับการจัดงานเทศกาลพลุเมืองพัทยา เมื่อวันที่ 26-27 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ภาพของการท่องเที่ยวพัทยาเกือบจะกลับมาเหมือนปกติ แต่คงไม่เต็ม 100% เพราะมีอีกหลายกิจการที่ยังเปิดให้บริการไม่ได้ แม้ว่าการเปิดเมืองพัทยา พร้อมด้วยกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้ จะเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้มากก็ตาม
เทศกาลพลุเมืองพัทยา 2564” (PATTAYA FIREWORKS FESTIVAL 2021) หาดพัทยากลาง เป็นไปด้วยความราบรื่น เป็นอีกบทพิสูจน์ได้ว่า เมืองพัทยาสามารถบริหารจัดการนักท่องเที่ยวกว่า 20,000 คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยมาตรการสาธารณสุขที่เคร่งครัดป้องกันโควิด-19 ส่วนหนึ่งมาจากความตระหนักรู้ของตัวนักท่องเที่ยวเองด้วย
ที่พักในช่วงการจัดงานพลุเมืองพัทยาถูกจองเต็ม แม้ว่าจะมีเวทีคอนเสิร์ตริมชายหาด แต่นักท่องเที่ยวก็เลือกปักหลักกระจายตัวแบบไม่กระจุก ร้านอาหารหรือจุดชมวิวมุมสูงถูกจับจองเป็นจุดชมพลุไฟ ส่วนที่นั่งริมชายหาดก็จับจ่ายซื้อหาอาหารเครื่องดื่มจากพ่อค้าแม่ค้าที่หลั่งไหลมาไม่แพ้นักท่องเที่ยวเช่นกัน
เมื่อไปถึงพัทยาช่วงบ่ายวันที่ 27 การจราจรในพัทยาเริ่มติดอย่างที่หลายคนคุ้นเคย ดังนั้นเมื่อนำรถเข้าจอดและเช็คอินในโรงแรมแล้ว ก็ไม่นำรถออกมาอีก เลือกเดินจากที่พักทะลุซอกซอยไปเรื่อย ๆ ก็ถึงชายหาดพัทยากลาง ยังคงเห็นผับ บาร์ ปิดให้บริการ แต่ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินผ่านไปมามากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
เราเดินสำรวจพื้นที่ริมชายหาด เนื่องจากคาดการณ์แล้วว่าหากนำรถออกไปหาสถานที่ปักหลักถ่ายภาพ ไม่ว่าจะบนตึกหรือจุดชมวิวมุมสูง น่าจะถูกจับจองกันไปหมดแล้ว และรถก็น่าจะติดอย่างแน่นอน ดังนั้นการเลือกจุดชมพลุจึงต้องอาศัยพื้นที่ชายหาดในจุดที่เดินกลับโรงแรมได้ไม่ไกลนัก
ช่วงบ่ายนักท่องเที่ยวมากมายกระจายตัวอยู่ตามชายหาด สอบถามราคาเก้าอี้ผ้าใบให้เช่าพบว่าราคาถึง 100 บาท/ตัว ราคาเสื่อให้เช่าอยู่ที่ 50 บาท เมื่อเข้าไปสำรวจในห้างเซ็นทรัลพบว่า มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากเช่นกัน
เมื่อสำรวจพื้นที่แล้วก็กลับไปพักที่โรงแรม ค่ำ ๆ ราวหนึ่งทุ่ม ก็ออกมาปักหลักที่ชายหาด ซึ่งตอนนั้น คนกระจายเต็มพื้นที่แล้ว แต่ก็ยังเว้นระยะห่าง มีบ้างที่ถอดแมสเพราะต้องรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนห้องน้ำบริเวณนั้นหายาก มีเพียง 1 ห้องในลานจอดรถใต้อาคารใกล้ ๆ ซึ่งมีคนรอคิวใช้บริการเป็นจำนวนมาก เวทีคอนเสิร์ตที่อยู่ห่างออกไปทำให้ไม่ได้ยินเสียงอะไรไม่ชัด แต่พอสองทุ่มก็ได้ยินพิธีกรประกาศเหมือนให้ทุกคนเตรียมตัว เพราะจะทำการแสดงพลุแล้ว ซึ่งจุดที่จุดพลุอยู่ในเรือขนาดใหญ่กลางทะเล
เมื่อถึงเวลาผู้คนก็หยุดความเคลื่อนไหว เพื่อเฝ้าคอยช่วงเวลาแห่งความสว่างไสวบนท้องฟ้า การจุดพลุปีนี้ไม่อลังการมากนัก คาดว่าด้วยสถานการณ์โควิด-19 จึงไม่มีพลุนานาชาติมาร่วมแสดง
แต่ด้วยความโหยหา ทุกคนก็เปล่งเสียงออกมาเมื่อแสงสีกระจายบนท้องฟ้า เมื่อการแสดงจบ 1 ชุด เสียงปรบมือก็ดังออกมาทั่วชายหาด
เมื่อการแสดงจบลงทุกคนก็ลุกจากชายหาด มุ่งหน้ากลับที่พัก บางส่วนอาจจะยังรอชมคอนเสิร์ตที่ยังทำการแสดงถึงเที่ยงคืน แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่ เลือกแยกตัวกลับไปโรงแรมกันเสียมากกว่า เดินออกมาท่ามกลางผู้คนหนาแน่น ร้านสะดวกซื้อที่เดินผ่าน 3-4 ร้านคนแน่นจนล้น รถราเต็มพื้นที่ และคืนนั้นคาดว่าคนที่ติดอยู่บนท้องถนนคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะขับรถกลับถึงที่พัก
เช้าอีกวันทุกคนก็คงคิดเหมือน ๆ กัน กินอาหารเช้าในโรงแรม เช็คเอ้าท์เที่ยง แล้วไปหาของอร่อย ๆ กิน เมื่อขับรถออกมาจึงพบกับสภาพการจราจรที่ไม่ทำให้แปลกใจ กว่าจะขยับไปทางไหนก็ใช้เวลาพอสมควร เมื่อมุ่งหน้าสู่ย่านนาเกลือยิ่งติดหนัก ร้านที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ “ร้านบัวทองแอทบีช” (เข้าร่วมโครงการรัฐ) เป็นร้านริมชายหาดที่ถือเป็นมุมลับในพัทยา แต่ปัจจุบันมีอินเตอร์เน็ตแล้ว จะลับแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา ติดอยู่ว่า ร้านอยู่ริมชายหาดที่ไม่มีทางเข้า ต้องนำรถไปจอดในซอยใกล้ๆ แล้วเดินเลียบหาดเล็ก ๆ เข้าไป
เมื่อมาถึงที่จอดรถเต็ม จึงได้รับคำแนะนำให้ไปใช้บริการลานจอดรถใกล้ ๆ ราคา 50 บาท เป็นลานกว้าง ๆ รั้วรอบของชิด และติดทะเล มีประตูเล็ก ๆ ที่จะปิดเวลา 20.00 น. เมื่อไปถึงร้านพบมหาชนชุดใหญ่ เมื่อสอบถามกับเจ้าของร้านบอกว่า “ปิดรับออร์เดอร์” เพราะในร้านยังต้องรอกันอีกราว 2 ชั่วโมงถึงจะได้กิน จึงได้แค่เดินเล่นชมวิว แล้วมองหาเป้าหมายใหม่
ผ่านร้าน “น้องซีฟู้ด” (เข้าร่วมโครงการรัฐ) “โก้ซีฟู้ด” ย่านสะพานยาวนาเกลือ คนล้นหลาม เลยไปถึงมุมอร่อย ก็ยังมียืนรอคิว และกำลังจอดรถอีกมาก ใกล้ ๆ กัน “ร้านวิวดีซีฟู้ด” (เข้าร่วมโครงการรัฐ) ชะเง้อเข้าไป ยังเห็นพอมีที่ให้นั่ง จะออกไปไหนตอนนี้ก็ฝ่ารถติดอีกยาว บ่ายโมงแล้ว จึงต้องทำใจว่ารออาหารนานแน่นอน แต่ไม่นึกว่าจะนานกว่าชั่วโมง เลยได้มีเรื่องคุยกับลูกค้าต่างชาติและคนไทยโต๊ะข้าง ๆ ซึ่งนั่งรออาหารอยู่ก่อนแล้ว
เดาว่าทางร้านบริหารครัวโดยการแยกกุ๊กแต่ละประเภทอาหาร โต๊ะข้าง ๆ จึงจึงกินข้าวผัดสองจานหมดแล้ว แต่กับข้าวที่สั่งยังไม่มา เช่นเดียวกับเรา ที่ได้ข้าวกับแกงมา 1 อย่าง แล้วรออีกเป็นชั่วโมงจนทั้งข้าวและแกงเย็นชืด แน่นอนว่าน้ำแข็งละลายไปท่ามกลางสายลม ยังดีที่พนักงานเสิร์ฟใส่ใจในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เมื่อผิดพลาดทำออร์เดอร์หายก็รีบจัดการแก้ไขให้ ข้าวที่เย็นก็เปลี่ยนให้ แต่ก็เป็นสองชั่วโมงกว่าที่ได้เห็นว่า พัทยายังเนื้อหอมมาก และหากมีงานกิจกรรมอะไร ก็ต้องทำใจว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ บ่ายสามโมงครึ่ง เราถึงได้กินข้าวเที่ยงเสร็จ ส่วนโต๊ะข้าง ๆ นั้น เมื่อได้กินอาหารเสร็จแล้วยังรอกาแฟร้อนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะได้ออกจากร้าน
จากการพูดคุยกับพนักงานบอกว่า นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาเกินความคาดหมาย ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างล่าช้า และงานพลุรอบนี้มีคนมามากกว่าที่เคยเห็นในช่วงโควิด-19 อีกทั้งโครงการภาครัฐอย่างเราเที่ยวด้วยกันหรือคนละครึ่ง ก็ทำให้คนตัดสินใจออกมาท่องเที่ยวและใช้บริการกันมาก
ขากลับแวะตลาดอ่างศิลาซึ่งกลับมาคึกคักมากในช่วงที่มีการจัดงาน แต่สำรวจราคาสินค้า มีความแตกต่างจากเดือนที่ผ่านมามาก อาจจะเป็นเพราะราคาน้ำมันหรือไม่ อย่างไร แต่อาหารทะเลสดราคาพุ่งสูงมาก จากนั้นแวะไปชมวิวที่สะพานชลมารควิถี
พบว่ามีร้านค้ามาวางขายของเป็นจำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่มีประกาศห้าม บางร้านจอดรถกระบะแล้วตั้งร้านขายบนรถ ยังพอรับได้ แต่หลายร้านดูไม่เป็นระเบียบและอาจจะไม่ปลอดภัย นักท่องเที่ยวบางคนยังนำเสื่อมาปูในช่องสำหรับจอดรถเพื่อชมวิว ทั้ง ๆ ที่ฟุตบาท และเวิ้งสำหรับคนที่อยากมีพื้นที่นั่งเล่น เห็นรถบางคันที่แล่นผ่านจอดกลางถนนเพื่อซื้อของกินโดยไม่ลงจากรถ รถราก็มากมาย ดูอันตราย และไม่เป็นระเบียบ
ตอนนี้ทางพัทยาตั้งเป้าว่าจะเป็น “เมืองต้นแบบ” สำหรับการเปิดท่องเที่ยวอย่างปลอดโรค ปลอดภัย ไร้กังวล ก็หวังว่าจะเป็นไปได้อย่างที่วางเป้าหมายไว้ แต่นอกจากมาตรการด้านสาธารณสุขที่เคร่งครัดแล้วการจัดการอื่น ๆ ต้องควบคู่กันไป
ให้เป็นการจุดพลุที่สวยงามสว่างไสวน่าประทับใจ ไม่เพียงแค่แสงที่พุ่งออกมา แล้ววูบดับไป