Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

ร้อนนี้ที่รอคอย ข้าวแช่สุวรรณภูมิ

ตอนที่ยังไม่มีตู้เย็น คนสมัยก่อนทำอย่างไรถึงจะได้กินน้ำเย็นชื่นใจ

นอกจากน้ำจากแหล่งธรรมชาติ หรือน้ำบ่อ ยังมีน้ำฝน ที่คนในอดีตพึ่งพาอาศัย

เมื่อได้ยินเรื่องราวของ “ข้าวแช่” จึงทำให้ภาพของการทำน้ำเย็นชัดขึ้น เพราะยังทันสมัยที่บ้านแต่ละหลังมีโอ่งหรือตุ่มใส่น้ำแล้วปิดฝาไว้ ตักขึ้นมากินที่ไร ก็ชื่นใจ ด้วยความเย็นกำลังดี อาจจะประกอบกับตัวบ้านส่วนใหญ่ที่โปร่งโล่งสบายมีต้นไม้ล้อมรอบ อุณหภูมิของโอ่งดินจึงเก็บความเย็นได้ดี

เพราะในสมัยก่อนยังไม่มีตู้เย็น การทำข้าวแช่ ซึ่งเป็นเมนูคลายร้อน จึงต้องหาวิธีการทำให้ตัวน้ำนั้นทั้งเย็นและหอม ด้วยการใส่ไว้ในหม้อดินเผา

“ข้าวแช่” เป็นอาหารว่างที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนว่า จะทำขึ้นในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น และใช่ว่าใครๆ คิดจะทำก็สามารถรังสรรค์ขึ้นมาได้ทันที นอกจากกระบวนการที่ซับซ้อน จากเครื่องเคียงอย่างน้อย 5 ชนิด การหุงข้าวให้พอดี การทำน้ำอบควันเทียนให้หอม อีกทั้งยังมีขั้นตอนการกินที่มีลักษณะเฉพาะ จึงเป็นอาหารชาววังที่ไม่ได้ทำกินอย่างแพร่หลาย แต่ก็หารับประทานได้ในทุกปี

 “ข้าวแช่” เป็นอาหารของชาวมอญ ซึ่งในอดีตชาวมอญนิยมทำเพื่อถวายเทพยดาและพระสงฆ์ ในช่วงวันสงกรานต์

เชฟบังอร มาลาเล็ก

“เชฟบังอร มาลาเล็ก” หัวหน้าครัวไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า ข้าวแช่เป็นอาหารมอญ ที่เริ่มต้นเข้ามาเป็นสำรับในวังในอดีต เนื่องจากมีคนในวังไปพบเห็นชาวมอญทำข้าวแช่ในช่วงสงกรานต์ และเป็นอาหารว่างที่รับประทานแล้วชื่นใจ เหมาะกับหน้าร้อนของเมืองไทย จึงได้นำเมนูนี้เข้ามาเป็นหนึ่งในสำรับเพื่อถวายพระมหากษัตริย์ (ราวสมัยรัชกาลที่ 4- รัชกาลที่ 5)

ในช่วงหน้าร้อนของทุกๆ ปี โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต มีการรังสรรค์เมนูข้าวแช่เป็นเมนูพิเศษประจำฤดูร้อน เช่นเดียวกับปีนี้ ได้นำเสนอ “ข้าวแช่สุวรรณภูมิ”  ซึ่งเป็นข้าวแช่ตามแบบฉบับของ หม่อมหลวงบัว กิติยากร” รังสรรค์โดยเชฟบังอร เชฟครัวไทยที่มีฝีมือดี การันตีด้วยรับรางวัลพระราชทานต่างๆมากมาย และพิเศษยิ่งกว่าสำหรับปี 2564 ด้วยการแนวคิด “ข้าวแช่สุวรรณภูมิ”  เพื่อสะท้อนแนวคิดคุณค่าแห่งความเป็นไทย และความเป็นสิริมงคลในช่วงวันสงกรานต์นี้

ในช่วงหน้าร้อนของปีนี้  เชฟได้ตั้งใจรังสรรค์เครื่องเคียง 9 ชนิดเพื่อให้สอดคล้องกับเลขมงคลของชาวไทย พร้อมประดับทองคำเปลวบนเครื่องเคียงเพื่อเป็นสิริมงคลและตอกย้ำในความหมายของคำว่าสุวรรณภูมิ “ดินแดนแห่งทองคำ” ข้าวแช่สุวรรณภูมินอกจากจะเป็นเมนูคลายร้อนแล้ว ยังถือเป็นของฝากอันล้ำค่าสำหรับเทศกาลสงกรานต์

ผักแนมที่แกะมาอย่างละเมียดละไม อาทิ มะม่วง กระชาย แตงกวา ฯลฯ กินแกล้มเพื่อตัดเลี่ยนอย่างเอร็ดอร่อย

สัมผัสความสดชื่นไปด้วยการเริ่มต้นลิ้มรสความหอมสดชื่นจากน้ำลอยดอกมะลิอบควันเทียนที่เชฟบังอรนำข้าวหอมมะลิมาหุงและบรรจงขัดข้าวให้ขึ้นเงาจากนั้นจึงนำมานึ่งอีกครั้งก่อนนำมาแช่กับน้ำอบควันเทียน เชฟบังอรได้ใช้เวลาบรรจงรังสรรค์เครื่องเคียงและผักแนมแกะสลักอย่างละเมียดละไม

ลูกกะปิ เคี่ยวนานถึง 8 ชั่วโมง

เลือกใช้ไข่เค็มไชยา ที่มีความัมันและให้สีสดสวยงาม

กะปิชุบไข่ทอดไฮไลท์หลักของข้าวแช่ที่ใช้เวลาผัดให้เข้ากันนานถึง 8 ชั่วโมง เพื่อให้กะปิและเครื่องผัดรวมกันเป็นเนื้อเดียว, ปลาช่อนแห้งผัดหวาน, หัวไชโป๊วผัดหวาน, หัวไชโป๊วผัดไข่, หมูฝอย, เนื้อฝอย, หอมยัดไส้ปลาชุบแป้งทอด, พริกหยวกสอดไส้หมูผสมกุ้ง และไข่แดงเค็มชุบไข่ขาวทอดได้ความหอมมันของไข่แดง

เชฟได้นำปลาสลิด ของดีประจำจังหวัดสมุทรปราการ เพิ่มความหลากหลายให้กับเครื่องเคียง

เนื้อฝอยจัดแยกออกจากสำรับ สำหรับคนรับประทานเนื้อ สามารถแจ้งได้

เพื่อประสบการณ์การรับประทาน “ข้าวแช่สุวรรณภูมิ” ที่ดีที่สุดควรเริ่มจากการทานของคาวที่สุดก่อนอย่างลูกกะปิ เคี้ยวให้ได้ลิ้มรสชาติ แล้วจึงตักข้าวแช่ขึ้นทานตามพร้อมน้ำลอยดอกไม้สักเล็กน้อย รสชาติความเข้มข้นของเครื่องเคียงจะผสมผสานกับความเย็นของข้าวแช่ จากนั้นจึงตามด้วยเครื่องเคียงหวานอย่างปลาช่อนแห้งผัดหวาน และเครื่องคาวอื่นๆ สลับสับเปลี่ยนได้ตามชอบ โดยทานคู่กับผักแนมที่เชฟบังอรได้แกะสลักผักสดไว้สำหรับทานแกล้มอย่างประณีตงดงาม ไม่ว่าจะเป็น มะม่วงแก้วขมิ้น กระชาย ต้นหอม และแตงกวา

ไม่ควรตักเครื่องเคียงมาใส่ในถ้วยข้าวหรือมารวมอยู่ช้อนเดียวกันเพราะจะทำให้ความมันและความคาวจากเครื่องปรุงต่างๆ ปะปนลงไปในถ้วยทำให้น้ำดอกไม้มีกลิ่นคาวหรือไม่หอมกลมกล่อมเท่าที่ควร

เป็นอีกหนึ่งการรอคอยที่ไม่ผิดหวัง เพราะปีนี้ ข้าวแช่สุวรรณภูมิ นอกจากเอกลักษณ์อันทรงคุณค่า มาพร้อมเครื่องเคียงหลากหลาย พิถีพิถันอย่างละเมียดละไม นอกจากสัมผัสรสที่หลากหลาย ยังกรุ่นกลิ่นแห่งความหอมหวานอบอวล

ไม่เพียงลิ้มรสให้ชื่นกาย แต่เป็นจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผ่อนคลายลงด้วย

ข้าวแช่สุวรรณภูมิ

ห้องอาหารศาลาไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิแอร์พอร์ต

เวลา 11.30 – 14.30น. ราคาชุดละ 780 บาท (กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า)

ชุดตะกร้าสานสั่งกลับบ้านราคาชุดละ 990 บาท (สั่งจองล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง)

สามารถเลือกจุดรับได้ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต หรือโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ สยามสแควร์

สั่งจองข้าวแช่สุวรรณภูมิล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้  เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 พิเศษสำหรับสมาชิกแอคคอร์พลัส รับส่วนลดค่าอาหารเพิ่ม 10% จากราคาปกติ

Post a comment

two × five =