เบอร์เกอร์คิง ตั้งเป้าใช้ไข่-เนื้อไก่จากฟาร์มปลอดกรง 100% ในปี 2570
สำหรับสายเบอร์เกอร์ ก็ต้อง “เบอร์เกอร์เนื้อ” เท่านั้น จึงบอกได้ว่า “เข้าถึงดินแดนเบอร์เกอร์” โดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะแบรนด์ “เบอร์เกอร์คิง” ที่มีเมนูเนื้อที่หลากหลายถูกอกถูกสาวกได้เต็มปากเต็มคำ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน บางคนไม่กินสัตว์ใหญ่ บางคนไม่กินเนื้อสัตว์ บางคนบอกต้องเป็นไก่เท่านั้น ความหลากหลายของเบอร์เกอร์ในเมืองไทยจึงเกิดขึ้น สำหรับสาวกเบอร์เกอร์ไก่ วันนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจจากเบอร์เกอร์คิงมาฝาก
หลังจากการเจรจากับ องค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับสากล หรือ ‘ซิเนอร์เจีย แอนิมอล’ องค์กรซึ่งปฏิบัติงานในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของสัตว์ในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เบอร์เกอร์คิง หนึ่งในแฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ดชั้นนำระดับโลกได้ประกาศดำเนินนโยบายเลือกใช้วัตถุดิบจากฟาร์มปลอดกรงขังในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยนโยบายนี้จะประกาศใช้กับร้านอาหารทั้งหมด 115 แห่ง รวมถึงที่จะเปิดดำเนินการในอนาคตทั้งหมดในประเทศภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์เบอร์เกอร์คิงแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะเสร็จสิ้นภายในปี 2570
“คำประกาศเจตนารมณ์จากแฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างเบอร์เกอร์คิงจะมีส่วนในการช่วยลดความทุกข์ทรมานของแม่ไก่ในประเทศไทยได้นับล้านชีวิต และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลายๆ บริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะประกาศนโยบายเช่นนี้ตามมา” วิชญะภัทร์ ภิรมย์ศานต์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประจำประเทศไทยของซิเนอร์เจีย แอนิมอล กล่าว
ความจริงของกรงตับ
ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตไข่รายใหญ่เป็นอันดับสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานตามตัวเลขล่าสุด ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จากกรมปศุสัตว์ ประเทศไทยมีแม่ไก่จำนวนมากกว่า 60 ล้านตัวในฟาร์มผลิตไข่ปัจจุบันแม่ไก่ส่วนใหญ่ในประเทศไทยถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ ที่เรียกว่า “กรงตับ” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพสัตว์ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีปฏิบัติที่โหดร้ายที่สุดในการปศุสัตว์
แม่ไก่ใช้ทั้งชีวิตในพื้นที่ที่เล็กกว่ากระดาษ A4 ซึ่งพวกเขาไม่สามารถเดินหรือกางปีกได้สุด เนื่องจากกรงที่มีจำนวนแม่ไก่หนาแน่นเกินไป การเสียดสีกับกรงทำให้แม่ไก่เสียขนเป็นจำนวนมาก การขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสมทำให้พวกเขาได้รับความเจ็บปวดจากโรคกระดูกและกระดูกหัก การเลี้ยงในฟาร์มปลอดกรงสามารถบรรเทาความทรมานของแม่ไก่ได้อย่างมาก เนื่องจากแม่ไก่จะทำพฤติกรรมตามธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เช่น เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ การทำรัง การจิก และการเกาะคอน
นอกจากนั้น ความปลอดภัยของอาหารในฟาร์มแบบกรงก็เป็นปัญหาที่สำคัญเช่นกัน งานศึกษาในสหภาพยุโรปพบว่ามีความเสี่ยงของการปนเปื้อนของเชื้อซาลโมเนลลา (salmonella) ที่อยู่ในฟาร์มกรงสูงกว่าฟาร์มปลอดกรง ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า “คาดการณ์ว่าเชื้อ non-typhoidal Salmonella spp. อาจทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันกว่า 93.8 ล้านกรณี และอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลก 155,000 รายต่อปี ประมาณการณ์ว่า 85% ของกรณีดังกล่าวนี้เกิดจากอาหาร”
ห่วงโซ่อุปทานในเอเชียกำลังเปลี่ยนแปลงไป
การดำเนินการการจัดหาไข่จากฟาร์มปลอดกรงนั้นยังค่อนข้างใหม่สำหรับอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย แต่ทั้งนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก ปัจจุบันมีมากกว่า 1,000 บริษัททั่วโลก ได้ประกาศนโยบายเฉพาะในการจัดหาไข่ที่มาจากแหล่งเลี้ยงปลอดกรงในห่วงโซ่อุปทาน เช่น Sodexo, Compass Group, Nestlé, และ Unilever ต่างมุ่งมั่นที่จะหยุดการจัดหาไข่จากระบบใช้กรงขังทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยด้วย
ไม่เฉพาะเบอร์เกอร์คิงเท่านั้น มีรายงานว่า องค์กรอื่น ๆ ในประเทศไทย เช่น เทสโก้ โลตัส และ ซับเวย์ ต่างได้ประกาศนโยบายแบบเดียวกันนี้แล้ว โดยเทสโก้ โลตัส ประกาศนโยบายสั่งซื้อไข่ไก่จากฟาร์มปลอดกรงทั้งในประเทศไทย และมาเลเซียเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนซับเวย์ ประกาศเลิกใช้ไข่จากไก่ที่ถูกขังในประเทศไทย และในอีก 6 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไต้หวัน และเกาหลีใต้