สวัสดี “สหัสขันธ์”
ความเงียบสงบ ปลอดภัย และเป็นมิตร คงเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เรามองเห็นบรรดานกยูง เดินเล่นกันอย่างเย็นใจ โดยไม่ได้ตื่นกลัวผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย
นี่อาจจะเป็นเสน่ห์ของเมืองไกลที่หลายคนอาจจะไม่เคยคุ้นอย่าง “สหัสขันธ์” จ.กาฬสินธุ์ อำเภอเล็กๆ เงียบๆ ที่ซ่อนของดีไว้เพียบ โดยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นำคณะสื่อมวลชนมาสัมผัสถึงความงดงามในครั้งนี้
ทันทีที่มาถึง อ.สหัสขันธ์ เรามุ่งหน้าไปที่ “วัดเวฬุวัน” เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ภายในพระพุทธเจดีย์ศรีสัตตราช ลักษณะเจดีย์เป็นแบบศิลปะประยุกต์ผสมผสานระหว่างภาคกลางและภาคอีสานตอนบนแถบลุ่มแม่น้ำโขง ด้านหลังและชั้นบน จัดแสดงพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญเพราะเป็นพุทธสถานที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้ขอพรตลอดทั้งปี
จากนั้นเดินทางต่อไปยังสวนไดโนเสาร์ ซึ่งมีรูปปั้นไดโนเสาร์ตัวใหญ่น้อย ออกลีลาท่าทางเป็นที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สังเกตได้จากสภาพอากาศท่ามกลางแดดจ้า แต่ก็ไม่มีใครยอมละสายตาออกจากความสนุกไปง่ายๆ
เที่ยงวันนี้ เรารับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารไทนิคม ซึ่งอยู่ตรงข้ามสวนไดโนเสาร์ โดยมีเมนูเอกเป็น “จุ่มปลา”
จากนั้นก็เดินทางเข้าที่พักเพื่อเก็บสัมภาระที่ “นฤมลโฮมสเตย์” ห้องพักแบบเรียบง่ายวิวอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว แถมด้วยเพื่อนข้างบ้านเป็นฝูงควายน่าตาขี้สงสัย วนเวียนกินนอนอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ อยากจะอยู่เล่นด้วยนานๆ แต่ก็มีสถานที่สำคัญให้เราออกตามหาต่อไปในช่วงบ่ายนี้
อ.สหัสขันธ์ เป็นเมืองเล็กๆ ไปไหนมาไหนจึงใช้เวลาไม่มาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชื่นชอบชีวิตแบบสโลไลฟ์จริงๆ อย่างที่วัดพุทธนิมิตร (ภูค่าว) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาภูค่าว
“ค่าว” หมายความว่า ไม่เตี้ย ไม่สูงมากนัก “วัดภูค่าว” เป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม สงบ ร่มเย็น เดินขึ้นไปเพียงนิดเดียวก็จะได้พบกับ “พระอุโบสถไม้” โบสถ์ไม้ทรงไทยที่วิจิตรงดงามโดยสร้างขึ้นจากไม้ขนาดใหญ่ที่นำขึ้นมาจากใต้เขื่อนลำปาว ด้านในประดิษฐาน “พระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร” รอบพระอุโบสถแกะสลักลวดลายเรื่องราวพุทธประวัติไว้อย่างงดงาม
ใกล้ๆ กัน คือ “วิหารสังฆนิมิต” องค์พระมหาเจดีย์ที่ทำจากหินสลัก มิยอดทองทำจากทองคำหนัก 30 กิโลกรัม ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินเดีย ศรีลังกา เนปาล และพม่า รวมทั้งพระอรหันตธาตุ พระพุทธนิมิตเหล็กไหล และพระพุทธรูปหินทรายอีกเป็นจำนวนมาก
เดินลึกเข้าไป ซึ่งเป็นด้านในของตัววัด เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบ และสถานที่ประดิษฐาน “พระพุทธไสยาสน์” หรือ “พระนอนภูค่าว” พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยทวารวดี อายุมากกว่า 2,500 ปี ประดิษฐานอยู่ใต้เพิงหินลักษณะคล้ายหน้าผา เป็นภาพสลักนูนต่ำ ไม่มีเกศมาลา มีลักษณะพิเศษสำคัญคือนอนตะแคงซ้าย และพบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย
ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน เรายังคงพบกับนกยูงฝูงน้อย ท่ามกลางความร่มรื่นของเงาไม้ พวกมันทำตัวเสมือนเจ้าบ้านผู้มากด้วยไมตรี แถมวันนี้ยังร่วมเปิดเส้นทางเที่ยวสหัสขันธ์ ด้วยการโชว์ลีลารำแพนให้เราได้ชม เสมือนการกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ สำหรับผู้มาเยือนสหัสขันธ์เป็นครั้งแรก
