Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

คุณแม่ทุกสถาบัน : MOM 2018

วันแม่วนมาถึงอีกปีนึงแล้ว นอกจากเราจะฉลองวันแห่งความรักของแม่กับแม่ที่บ้านแล้ว บนหน้าจอทีวีก็ยังมีแม่ๆ ให้คุณได้ร่วมฉลองและสร้างความบันเทิงร่วมกันได้อีกด้วยนะ แล้วคุณรู้ไหมว่าบรรดาแม่ๆ บนหน้าจอทีวีมีมากมายหลากหลายสไตล์กว่าที่คุณรู้จักเสียอีก ถึงจะต่างสไตล์แต่พวกเธอทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือความรักที่มีต่อลูกๆ และความเป็นแม่ในตัวนั่นเอง meetthinks จะพาไปรู้จักกับแม่ 5 แบบ 5 สไตล์จากรายการโปรดของคุณใน netflix

1.คุณแม่สายโหด: อลิซ คูเปอร์ จาก ริเวอร์เดล (Riverdale)

ได้ยินคำว่าสายโหดแล้วก็อย่าเพิ่งตกใจ อลิซ คูเปอร์ เป็นคุณแม่สายโหดที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ใช้การอบรมสั่งสอนเพื่อเป็นการส่งต่อพลังให้เบ็ตตี้ ลูกสาวของเธอ สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง ความที่อลิซเองก็เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าสตรองไม่น้อย เธอจึงมักจะสอนให้เบ็ตตี้เป็นคนเข้มแข็งและให้เธอได้ออกไปทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง เราจึงเห็นเบ็ตตี้ได้ออกไปผจญโลกกับเพื่อนๆ ของเธออย่างอิสระ แต่ในขณะเดียวกัน หากเบ็ตตี้มีปัญหาหรือเจอเรื่องลำบาก เธอก็พร้อมจะรับฟังและเป็นกำลังใจให้เสมอ เพราะอลิซไม่ใช่แม่ที่จะสร้างเกราะล้อมตัวลูกไว้เพื่อป้องกันจากอันตราย แต่เธอจะเป็นคนมอบเกราะให้ลูกได้นำไปใช้ด้วยตัวเองแทนต่างหาก

 

2.คุณแม่สายฮา: อาลี วอง จาก อาลี วอง: ชีวิตภรรยาต้องสู้ (Ali Wong: Hard Knock Wife)

คุณแม่สายฮาต้องยกให้ อาลี วอง นักเดี่ยวไมโครโฟนสาวที่โด่งดังจาก อาลี วอง: เบบี้คอบร้า (Ali Wong: Baby Cobra) ที่ลุกขึ้นมาทำสแตนด์อัพทั้งๆ ที่ยังท้องโต กลับมาคราวนี้ใน อาลี วอง: ชีวิตภรรยาต้องสู้ (Ali Wong: Hard Knock Wife) เธอยังคงท้องอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเป็นลูกคนที่สองแล้ว และเธอได้มาเล่าอย่างหมดเปลือกถึงชีวิตความเป็นแม่ในลีลาการจิกกัดแบบแสบๆ คันๆ เผยให้เห็นความจริงอันไม่น่าพิศมัยในการเลี้ยงลูก อย่างเช่นการให้นมที่เธอบอกว่าเละเทะเหมือนกับโดนหมีขย้ำแบบในภาพยนตร์เรื่อง The Revenant! แต่แม้ว่าสิ่งที่เธอเล่าจะทำให้เราเห็นถึงความยากลำบากของการเป็นแม่ เธอก็ยังทำให้เห็นด้วยเหมือนกันว่ามันจะดีกว่าถ้าเรายอมรับและหัวเราะไปกับมันด้วยซะเลย

 

3.คุณแม่ผู้ทุ่มเท: เบธ โบแลนด์, รูบี้ ฮิลล์ และ แอนนี่ มาร์กส จาก ถึงเวลาร้าย (Good Girls)

หลายคนคงเคยได้ยินกันมาว่า คนเป็นแม่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่ “ทุกอย่าง” ที่ว่านี้ ใครจะไปเชื่อว่าจะรวมถึงการปล้นร้านสะดวกซื้อด้วย! เบธ โบแลนด์, รูบี้ ฮิลล์ และ แอนนี่ มาร์กส เป็นสามคุณแม่ที่ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อครอบครัว จนถึงกับยอมละทิ้งศีลธรรมและกฎหมายออกไปปล้นร้านสะดวกซื้อเพื่อเอาเงินมาใช้แก้ปัญหาที่แต่ละคนกำลังประสบ ไม่ว่าจะเป็นเบธที่ไม่มีเงินมาจ่ายค่างวดบ้าน รูบี้ที่กำลังจะเสียสิทธิ์ในการเลี้ยงลูก และแอนนี่ที่ต้องจ่ายค่ารักษาลูกอันมหาศาล แน่นอนว่าการกระทำของพวกเธอเป็นสิ่งที่ผิด แต่ในทางหนึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเป็นแม่ถึงเวลาจนตรอก พวกเธอสามารถทำอะไรได้มากแค่ไหนเพื่อปกป้องลูกและครอบครัวของตัวเอง

 

4.คุณแม่จอมหวง: คิมมียอน จาก สื่อในสายฝน (Something in the Rain)

เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นแม่จะเป็นห่วงลูกของตัวเอง แต่บางคนก็เป็นห่วงและหวังดีมากจนล้นเกินไป และกลายเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายเสียแทน อย่างคิมมียอน คุณแม่ของยุนจินอาจากเรื่องสื่อในสายฝน (Something in the Rain) ที่ “เป็นห่วง” จินอามากจนกลายเป็นการเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเธอ โดยเฉพาะในเรื่องชีวิตรัก ที่แม้ว่าจินอาจะสารภาพแล้วว่าเธอรักจุนฮี แต่ด้วยความ “หวังดี” ที่อยากจะให้จินอาได้แต่งงานกับผู้ชายฐานะดี มีหน้ามีตาในสังคม เธอจึงพยายามขัดขวางความรักระหว่างจินอาและจุนฮีจนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับลูกเกิดความบาดหมางและกลายเป็นตัวเธอเองที่ต้องเสียใจ จนสุดท้ายเธอจึงได้รู้ว่าไม่มีอะไรจะทำให้เธอมีความสุขได้เท่ากับการที่เห็นลูกของเธอมีความสุขนั่นเอง

 

5.คุณแม่ผู้มีแต่ให้: แทมมีย์ จาก เควียร์ อาย (Queer Eye)

แทมมีย์คือคนที่เหมาะสมกับคำว่า “แม่ทุกสถาบัน” อย่างแท้จริง เธอปรากฏตัวในฐานะแขกรับเชิญคนแรกของรายการเควียร์ อาย ซีซันที่ 2 และสร้างความประทับใจให้กับหนุ่มๆ แฟบไฟว์รวมถึงคนดูอย่างเต็มเปี่ยม เพราะเธอเป็นทั้งแม่ที่ให้ความรักและการยอมรับกับลูกชายที่เป็นเกย์ และเป็นแม่ที่ให้การอุทิศตัวกับชุมชนเพื่อสร้างโบสถ์ไว้ใช้เป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนิกชน ความเป็นแม่ที่มีแต่ให้ของเธอทำเอาหนุ่มๆ แฟบไฟว์ ถึงกับต้องหลั่งน้ำตา และเธอยังทำให้เราได้กลับมาทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงความเชื่อและการยอมรับในความแตกต่างอย่างที่เธอบอกว่า “ฉันจะพูดได้ยังไงว่าฉันรักพระเจ้า แต่ฉันไม่อาจรักคนที่อยู่ข้างฉัน”

Post a comment

ten + one =