หัวใจเหนือเปลวไฟ ท้าทายพลังศรัทธา

อากาศร้อนระอุในตอนบ่าย แทบจะเผาไหม้อวัยวะภายในให้หลอมเป็นหนึ่งเดียว แม้จะยืนนิ่งๆ แต่หยาดเหงื่อก็หลั่งชโลมทั่วกาย จะขยับหนีไปไหน ก็เสียจุดยืนในทันที

 

 

เรายืนเกาะรั้ว บริเวณลานพิธีลุยไฟ ในงานสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จ.ปัตตานี ท่ามกลางแดดที่ร้อนจัด ผู้คนที่แออัด  ได้แต่อิจฉาคนในอัฒจันทร์ใต้หลังคาฝั่งตรงกันข้าม และได้แต่ยืนมอง บรรดาช่างภาพหนุ่มที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเก็บภาพภายในลานพิธีได้ ขณะที่สตรีห้ามเข้าลานพิธีโดยเด็ดขาด

 

 

นานราวกว่าชั่วโมง ที่ผู้คนถูกตรึงไว้ใต้เปลวแดด ไม่มีคำบ่น ไม่มีคำตัดพ้อ มีแต่ลมหายใจที่รอพิธีสำคัญที่จะเกิดขึ้นตรงหน้า กลุ่มผู้ดูแลกองไฟ เลี้ยงถ่านและเปลวเพลิงไว้ตั้งแต่เก้าโมงเช้า ซึ่งเราได้ผ่านการชมพิธีลุยน้ำมาแล้ว ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง เพราะแม้จะว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น ผู้แบกเกี้ยวซึ่งมีองค์พระประทับอยู่ ไม่มีวันจะจมน้ำ ทั้งคนทั้งพระ

 

 

เสียงโฆษกประกาศถึงเวลาสำคัญ พิธีกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผู้ดูแลกองไฟ พัดโหมปลุกความร้อนแรงขึ้นมา ขบวนเกี้ยวองค์พระกว่า 20 องค์ ซึ่งมีทั้งเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เจ้าแม่กวนอิม หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และองค์พระจำลองอื่น ที่ทยอยกันเข้ามา เดินวนรอบกองไฟ แนบแนวรั้วให้ผู้คนได้สัมผัสถึงบารมี ก่อนที่เวลาสำคัญจะมาถึง

 

 

มีคนกล่าวไว้ว่า อย่าเล่นกับไฟ อย่าทำตัวเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ หากลุยไฟไปข้างหน้าแล้วอย่าเสียเวลาเดินกลับหลัง แต่พิธีในครั้งนี้ ย้อนแย้งความคิดเหล่านั้นด้วยประการทั้งปวง

 

 

หากมีเครื่องมือวัดเสียงเต้นของหัวใจ เชื่อว่า ท่ามกลางความคึกคักของบรรยากาศ เราจะได้ยินเสียงที่ดังกว่าออกมาจากหัวใจของ บรรดาศิษยานุศิษย์ ผู้เลื่อมใสศรัทธา และนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานในวันนี้

 

พิธีการเริ่มต้น การประพรมน้ำมนต์ให้กับเกี้ยวและผู้ที่จะลุยไฟทุกคน แต่ก่อนหน้านี้ ผู้ที่หามเกี้ยวองค์พระเพื่อจะลุยไฟ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม  ต้องเตรียมร่างกายให้สะอาดสะอ้าน ถือศีลกินเจล่วงหน้า  ทำจิตใจให้สงบ และงดเว้นข้องเกี่ยวกับสตรีเพศอย่างเด็ดขาด

 

 

ขบวนเกี้ยวอัญเชิญองค์พระ เริ่มตั้งขบวน และแล้วก็ถึงเวลาของการพิสูจน์ใจ  ลูกศิษย์ลูกหาที่ร่วมลุยไฟ มาด้วยใจรัก และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี แม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ก็ร่วมเดินลุยไฟเป็นปีที่ 2

 

 

ทุกคนที่ได้ลุยไฟเชื่อว่าเป็นการปัดเป่าความชั่วร้ายทั้งหลาย ผู้ว่าปัตตานีกล่าวย้ำว่า นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่า หากเรามีจิตที่ดีใจที่สะอาด เราก็จะรอดพ้นจากภัยอันตรายทุกอย่าง และนี่คือหนึ่งในการขอพร เพื่อสร้างสันติสุขให้กับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย

 

 

พิธีลุยไฟผ่านสายตาเราไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่รอบเดียวเท่านั้น เพราะแต่ละเกี้ยวเดินลุยไฟกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ ไฟที่ลุกโชนแทบจะไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับใคร เราสังเกตไปยังเท้าของบรรดาผู้ที่หามเกี้ยว ก็ไม่เห็นความผิดปกติแต่อย่างใด แม้ว่าหลังจากการลุยไฟจะมีการรดน้ำมนต์ขันใหญ่ แต่ไฟก็คือไฟ เดินเหยียบย่ำเข้าไป มันก็คงร้อนแรงอยู่ไม่เบา

 

 

มันคือพลัง มันคือศรัทธา ภายใต้การดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด และการเตรียมตัวที่ดีของผู้เข้าร่วมพิธี หัวใจทุกดวงพองโต แสงแดดที่แผดเผา ทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้ว เพราะทุกความสนใจ ถูกดึงไปอยู่ที่ไฟกองนั้น

และกองเพลิงที่ร้อนระอุ ก็ห้ามพลังความกล้าไม่ได้ เพราะทุกหัวใจรวมไว้ที่คำว่าศรัทธาแล้ว

 

ด้วยรักและความแกร่งกล้าของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

เรื่องราวความรักของ “ลิ้มโต๊ะเคี่ยม” หนุ่มชาวจีนล่องเรือสำเภาทำมาค้าขาย แต่มาถึงปัตตานีก็เกิดหลงรักกับธิดาของเจ้าเมือง และยอมเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม พร้อมปักหลักอยู่โดยไม่ยอมกลับบ้าน มารดาทราบข่าวก็ได้แต่เศร้าโศกเสียใจ เป็นเหตุให้น้องสาว “ลิ้มกอเหนี่ยว” และน้องสาวอีกคน พร้อมทหารราว 70 นาย ต้องเดินทางด้วยเรือสำเภาข้ามน้ำข้ามทะเลมามาตามพี่ชายกลับ

สืบถามมาตั้งแต่นครศรีธรรมราช จนมาพบพี่ชายที่ปัตตานี เมื่อร้องขอให้กลับบ้านแต่ถูกปฏิเสธ  นางจึงประท้วงด้วยการผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์   จากนั้นน้องสาวก็ฆ่าตัวตายตาม ส่วนบรรดาทหารก็ล่องเรือออกไปแล้วกระโดดน้ำตายทีละคน ทิ้งซากเรือให้จมอยู่ใต้ท้องทะเล จากนั้นมีการสร้างฮวงซุ้ยเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวอย่างสมเกียรติอยู่ที่กรือเซะ อภินิหารของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเริ่มสำแดง เมื่อใครเจ็บไข้ได้ป่วยเมื่อไปขอพรที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ก็หาย และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเข้มแข็ง ความกตัญญู และสิริมงคลแก่ผู้เข้ามากราบไหว้ขอพร

 

ขอขอบคุณภาพพิธีลุยไฟ โดย  tucamerathailand