ชุมชนนาเกลือ ไม่มีเกลือ แล้วมีอะไร

ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาริมชายหาด บริเวณชุมชนชาวประมงตำบลนาเกลือ เรามองเห็นกลุ่มคนเดินไปเดินมาอยู่ไกลๆ  จากประสบการณ์ทำให้พอรู้ได้ว่า พวกเขาคงไม่ได้มาเดินเล่น แต่กำลังหาหอยที่แฝงตัวอยู่ใต้พื้นทราย ซึ่งเราจะเห็นได้ในหลายพื้นที่ และอาจจะเป็นหนึ่งในเครื่องชี้วัดว่า ท้องทะเลในบริเวณนั้น ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์

นับเป็นอาชีพที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต้องลงทุนอะไร แต่ต้องอาศัยแรงและความอดทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัด จากการพูดคุยกับชาวประมงในย่านนั้น ได้รู้ว่าปัจจุบันคนที่มาหาหอยริมชายหาด เป็นกลุ่มแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อหาได้แล้วก็จะนำออกมาขายกับพ่อค้าหรือร้านอาหาร กิโลละประมาณ 30 บาท วันหนึ่งๆ ก็ได้หลายสิบกิโล

ลุงชาวประมงบอกว่า ปีนี้มีหอยมาก ส่วนมากเป็นหอยตลับ ซึ่งหาเท่าไหร่ก็ไม่หมด และเป็นผลผลิตหลักของประมงชายฝั่งในแถบนาเกลือ ที่วางขายอยู่ในตลาดสดลานโพธิ์ซึ่ งเป็นตลาดค้าขายอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ใครผ่านไปผ่านมา ก็นิยมแวะซื้อของทะเลกันที่นี่

เราพุดคุยกับกลุ่มชาวประมงนาเกลือในช่วงเวลาสั้นๆ หลังติดตามกลุ่มปั่นจักรยานที่มารับประทานอาหารกันในตัวหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งตั้งอยู่ริมชายหาด ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 1 ของคณะนักเดินทางขาปั่น ในกิจกรรม “ขึ้นรถไฟไปเที่ยว ใกล้นิดเดียวพัทยา” โดย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.

ทริปนี้ได้ชวนกันขึ้นรถไฟมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน และหวังที่จะให้เป็นหนึ่งในช่องทางการบอกต่อว่า มาเที่ยวพัทยาแล้ว ยังมีอะไรให้เที่ยวต่ออีกเยอะ ซึ่งในวันแรกของกิจกรรม เราได้เล่าถึงเรื่องราวของความสุขในเส้นทางโลว์คาร์บอนกันไปแล้ว  (เส้นทาง ขึ้นรถไฟไปเที่ยว ใกล้นิดเดียวพัทยา https://www.meetthinks.com/travel-train-to-pattaya/)

ด้วยความเป็นชุมชนชาวประมงที่มีการซื้อขายอาหารทะเลมายาวนาน ทำให้ชุมชนนาเกลือ ยังคงเป็นตลาดที่มีการซื้อขายสินค้ากันอย่างคึกคัก และมีความเก๋าแบบฉบับของตัวเอง ปรากฏเป็นบ้านเรือน หรือร้านรวงที่มีกลิ่นอายเฉพาะตัว โดยมีถนนนาเกลือลากยาวเป็นเส้นทางให้เดินชม

เราตั้งต้นเดินลัดเลาะจาก ศาลเจ้า บริเวณมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ ภาพประทับใจจากชั้น 2 ของศาลเจ้าคือตึกสูงที่อยู่ไกลออกไป กับซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้า ตั้งตระหง่านอยู่เคียงกัน ไม่ว่าโลกจะก้าวหน้าไปเพียงใด หัวใจแห่งศรัทธาของมนุษยชาติก็ยังคงอยู่ และเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า มูลนิธิแห่งนี้เป็นหนึ่งในหัวใจหลักในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทั้งทีมอาสากู้ภัย และกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ทำเพื่อสังคม

จากศาลเจ้า เราลัดเลาะออกไปทางขวามือซึ่งเป็นซอยเล็กๆ เพื่อเริ่มต้นเข้าสู่ชุมชนเก่านาเกลือ บ้านเรือนที่ตั้งเป็นทิวแถว ทั้งบ้านไม้และบ้านปูน หลายหลังยังคงเอกลักษณ์เดิมๆ อยู่มาก

เลาะออกไปเจอกับถนนนาเกลือ ซึ่งทั้งสายนี้สามารถเดินเล่นได้ สิ่งที่เราเห็นคือ ภาพของการค้าขายที่ยังคงอยู่ บางร้าน เช่นร้านขายยาและสมุนไพรจีน ก็ยังคงหน้าตาดั้งเดิม แต่ที่เห็นได้ชัดของถนนเส้นนี้ จนอยากจะตั้งชื่อว่า “ถนนก๋วยเตี๋ยว” เพราะเรียงรายไปด้วยร้านก๋วยเตี๋ยว โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ซึ่งมาจากวัตถุดิบในท้องถิ่น ที่ได้รับความนิยมทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ก็เห็นคนกินเยอะเกือบทุกร้าน เลยไม่รู้ว่าร้านไหนดังร้านไหนเด็ด คงต้องอาศัยเวลาพิสูจน์กันหลายวัน

เส้นทางนี้สามารถปั่นจักรยานชมเมืองได้อย่างสะดวก รถราบางตา แต่คนเดินจะได้เปรียบตรงที่สามารถเดินไปชิมไปตลอดเส้นทาง บอกได้เลยว่า ที่เลือกชิมมาแล้ว มีแต่ของอร่อย ตั้งแต่ “แจงลอน” หรือห่อหมกย่าง ปั้นกลมๆ เสียบไม้ปิ้งขายริมทาง  ไม้ละ 10 บาท อร่อยเรียกน้ำย่อย ก่อนจะตะลุยกินต่อไป

ถึงบริเวณปากทางเข้าตลาดเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดสดหลังเก่า จุดนี้มองเผินๆ ก็เหมือนกับที่อื่นๆ ที่จะมีร้านขายของกินอยู่ปากซอย แต่ขอให้ลองเถอะ ขอให้ได้ชิมก่อน ลูกชิ้นปลาอินทรีย์ทอดที่ทำให้เราทั้งคณะ เคี้ยวกันแก้มตุ่ย พูดกันไม่ขาดปากว่า นี่แหละลูกชิ้นปลาที่เราเคยกินกันตอนเด็กๆ เป็นลุกชิ้นปลาจริงๆ ในตอนที่อุตสาหกรรมลูกชิ้น ไม่ได้หลอกลวงเราเหมือนวันนี้

ใกล้ๆ กับร้านลูกชิ้นปลา เป็นร้านขายขนมหวาน หน้าตาธรรมด๊าธรรมดา ไม่มีแบรนด์ ไม่มีแพ็กเกจหวือหวา ขายราคามิตรภาพ แต่มันคือขนมของคนกินขนมตัวจริง เราลองชิมวุ้นใบเตยหน้ากะทิ และเปียกปูนใบเตย  มันคือกลิ่นและรสของใบเต๊ย ใบเตยตัวจริง เข้มข้นได้ใจ หอมสดชื่น บวกกับสูตรที่ตกทอดมาของทางร้าน ทำให้ขนมหวานที่กะว่าจะชิมพอรู้รส กลับเข้ายึดพื้นที่ในกระเพาะ เบียดเสียดเป็นชุมชนแออัดอยู่กับลูกชิ้นปลา

แล้วเมนูก๋วยเตี๋ยวปลาที่กะว่าจะขอลองก็ต้องเลื่อนวาระการกินออกไป แต่ก็มีน้องในคณะที่กระเพาะแกร่งกล้า สามารถต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวอีกชามได้สบายๆ ซึ่งนั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่มื้อเที่ยงจะมาถึงในเวลาไม่นาน และก็เป็นมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารซีฟู้ด ที่เด็ดจนต้องมีกระเพาะสแปร์

การได้เดินชมและจินตนาการ เป็นความสุขอย่างหนึ่งของการเดินทาง แต่การได้ไกด์คนท้องถิ่นมาพานำชม ก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ วันนี้พี่ “อรุณี ห่อทองคำ” หรือ “ไกด์แอนนี่” อาสาเป็นผู้นำทาง ซึ่งต้องบอกว่า สนุกมาก พอๆ กับ อิ่มมากจนอยากใช้ ก.ไก่ หลายๆตัว ครสนใจอยากใช้บริการ “อ่าวนาเกลือทัวร์” ของพี่แอนนี่ ก็ติดต่อเข้าไปได้ที่ 081-8090968

มานาเกลือในวันนี้ แม้หลายๆ ภาพก็ยังคงชินตา แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายและสนุกสนาน เพราะเป็นชุมชนที่ไม่หนาแน่นมากนัก นอกจากบริเวณตลาดลานโพธิ์ ซึ่งจะมีคนเข้ามาซื้อขายกันเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งก็ทำให้การจตาจรติดขัดไปบ้าง แต่หลุดจากตรงนั้นแล้วก็โล่งโปร่ง

และเสน่ห์ที่เพิ่มขึ้นของนาเกลือ นอกจากจุดบริการข้อมูลการปั่นจักรยาน ที่จอดจักรยาน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนในวิถีเรียบง่ายแล้ว ตามฝาผนังในซอกซอย หรืออาคารบ้านเรือน ยังมีการสร้างผลงานศิลปะแนวกราฟิตี้ สะท้อนเรื่องราวและวิถีชีวิตของชุมชนนาเกลือ กระจายอยู่แบบไม่กระจุก เป็นอีกสีสันของการมาเยือนชุมชนนาเกลือ

นาเกลือ เป็นตำบลเล็กๆ ของ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่มีอะไรดีๆ อยู่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกิน แต่ที่แน่ๆ คือ  ตำบลแห่งนี้ ไม่มีนาเกลือ จากที่พี่แอนนี่เล่ามาว่า นาเกลือเป็นชื่อที่เรียกต่อๆ กันมา บ้างก็ว่ามาจากคำว่า “น่ากลัว” เพราะเดิมทีเป็นสถานที่เงียบจนมีคนบอกว่าน่ากลัว จนเพี้ยนมาเป็นนาเกลือ

ช่วงนี้หอยกำลังขึ้น ตามคำบอกเล่าของคุณลุงชาวประมง ใครไปเที่ยวชมตลาดเก่านาเกลือในยามนี้ อยากจะลองลงเลไปเก็บได้ ไม่รู้ว่าถ้าลองลงไปเดินแบบพี่ๆ เขา จะทนอยู่ได้นานแค่ไหน แล้วจะหาได้สักกี่ตัว น่าคิด น่าลอง เหมือนกันนะ

ปั่นจักรยานเที่ยวนาเกลือได้ด้วยตัวเอง

ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Smart Pattaya Plus เพื่อศึกษาข้อมูลและเส้นทางท่องเที่ยว รวมทั้งเส้นทางปั่นจักรยานได้ด้วยตัวเอง  รองรับ 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษารัสเซีย  สามารถใช้งานได้ทั้งแบบ Online และ Offline มีระบบเสียงนำทาง Voice Guidance