จากลาวา สู่คุณค่า แดนภูเขาไฟ ต่อยอดไอเดียสนุก

เมื่อต้องนึกภาพว่าสมัยที่เมืองไทยมีภูเขาไฟ หน้าตาของมันจะเป็นอย่างไร แล้วสิ่งมีชีวิตอยู่กันแบบไหน
จังหวัดบุรีรัมย์ ที่กำลังหอมฟุ้งด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ก็เป็นดินแดนที่มีภูเขาไฟที่ดับมอดแล้วถึง 8 ลูก
เมื่อต้องนึกภาพว่า เราจะแปลงความเป็นภูเขาไฟมาเป็นอะไรได้บ้าง ก็ทำให้นึกถึงเรื่องราวเหล่านี้

เที่ยวแดนภูเขาไฟ

การท่องเที่ยวเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ต่อยอดแดนภูเขาไฟให้เป็นที่รู้จักและสร้างรายได้ ทั้งจุดสำคัญอย่าง “ภูเขาไฟพนมรุ้ง” อ.เฉลิมพระเกียรติ เขตอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งมีปราสาทพนมรุ้งตั้งตระหง่าน มีนักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นจำนวนมาก
อีกจุดที่ได้รับความนิยมด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน คือ “ภูเขาไฟเขากระโดง” อยู่ใน อ.เมือง บนยอดเขามีแอ่งลึก เป็นปากปล่องภูเขาไฟในอดีต ปัจจุบันมีการสร้างสะพานแขวน ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติ บนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานพระสุภัทรบพิตรและจุดชมวิว

ผ้าทอย้อมดินภูเขาไฟ
“ภูเขาไฟเขาอังคาร” ตั้งอยู่ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ บนยอดเขา เป็นที่ตั้งของ “วัดเขาพระอังคาร” ซึ่งชาวบ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้นำมาดัดแปลง ต่อยอดวิถีทอผ้าของพวกเขา มาเป็นผ้าฝ้ายและผ้าไหมที่ย้อมด้วยดินภูเขาไฟ ในนามของ “ผ้าภูอัคนี” เกิดเป็นรายได้เข้าสู่ชุมชน พร้อมทั้งต่อยอดในการทำวัตถุดิบธรรมชาติอื่นๆ มาใช้ในการย้อมผ้า ล่าสุดกับผ้าทอย้อมสีจากดอกทานตะวัน

ผัดไทภูเขาไฟ
เพราะเป็นดินแดนภูเขาไฟ จึงมีการปลูกข้าวที่ดูดซึมแร่ธาตุของดินภูเขาไฟ โดยมีข้าวฮาง (ข้าวน้ำนมที่มีระยะแก่เกินจะทำข้าวเม่า แต่ยังไม่สุกพอระยะเก็บเกี่ยวหรือระยะพลับพลึง มีทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว) ที่ตำบลชุมเห็ดได้นำข้าวฮางภูเขาไฟมาทำเป็นเส้นผัดไท และพัฒนาเป็นผัดไทภูเขาไฟ ด้วยการต่อยอดสูตรผัดไทดั้งเดิมรุ่นคุณย่าคุณยาย ของ “ผัดไทบ้านครูกานต์” และประยุกต์เป็นผัดไทภูเขาไฟ ในรูปแบบไมโครเวฟ กวาดรางวัลไปมากมาย มีขายทั้งในไทยและต่างประเทศ
เป็นการสืบสานและต่อยอดทางภูมิปัญญา ที่เรียกได้ว่า มาไกล และเชื่อว่าด้วยสมองและสองมือ ที่ “คิด” และ “ทำ” มันก็ยังจะไปไกลได้อีก
แค่ได้นึกว่ามันจะไปได้ไกลอีกแค่ไหน ก็สนุกแล้ว