Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

มาซาร์ส Tag

เนื่องจากภาวะวิกฤตการรักษาพนักงานยังคงเป็นประเด็นที่ท้าทายผู้จัดการฝ่ายจัดหาบุคลากรขององค์กรในประเทศไทย บริษัทฟอวิสมาซาร์ส ผู้ให้บริการตรวจสอบ ภาษี และให้คำปรึกษาชั้นนำระดับนานาชาติที่มีสำนักงานในประเทศไทย พร้อมเสนอวิธีการแก้ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวที่องค์กรชั้นนำกำลังเผชิญความกดดันอยู่ จากปัจจัยหลายอย่างทั้งอัตราการจ้างงานที่ลดลง อัตราการลาออกจากงานโดยสมัครใจที่เพิ่มมากขึ้น และจำนวนบุคลากรคุณภาพที่ลดลง การสรรหาและรักษาบุคลากรคุณภาพกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้  ฟอวิสมาซาร์ส์จึงเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่องค์กรจะต้องมีกลยุทธ์การพัฒนาและรักษาพนักงาน  ตามสำรวจล่าสุดจาก LinkedIn พบว่า 94% ของพนักงานยินดีที่จะอยู่ทำงานกับบริษัทให้นานขึ้นหากบริษัทมีการลงทุนเพื่อความก้าวหน้าอาชีพของบุคลากร  น่าแปลกใจที่มีเพียง 34% ของบริษัทที่สำรวจมีการจัดการฝึกอบรมพนักงาน และมีอีกถึง 18% ที่ไม่มีกิจกรรมสำหรับการเรียนรู้ใดๆให้กับพนักงาน ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากร ฟอวิสมาซาร์สได้นำเสนอโปรแกรมการฝึกอบรมหลากหลายรูปแบบโดยมีจัดกิจกรรมที่ให้ทุกคนมายังสถานที่และรูปแบบออนไลน์  นอกจากนี้ บริษัทยังร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกเพื่อให้ความรู้แก่พนักงานในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Web3 และการดูแลจิตใจของพนักงาน นายโจนาธาน ไฟรเยอร์ หัวหน้าพันธมิตรภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และหุ้นส่วนของฟอวิสมาซาร์สในประเทศไทย กล่าวว่า "การลงทุนในการพัฒนาพนักงานไม่ใช่เพียงเป็นการวางกลยุทธ์เท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ทางจริยธรรมขององค์กร การจัดหาเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นให้กับพนักงานในการเติบโตอย่างมืออาชีพ เราไม่เพียงเสริมสร้างโอกาสในอาชีพของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังสร้างสรรค์กำลังคนที่มีความภักดีต่อองค์กรและตั้งใจทำงาน” ในสถาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ผู้จัดการที่ประสบความสำเร็จเริ่มที่จะยอมรับบทบาทในการเป็นโค้ชและการให้คำปรึกษา แทนที่การใช้อำนาจสไตล์ผู้บังคับบัญชา

บริษัทผู้ให้บริการระดับมืออาชีพชั้นนำสองแห่งคือ มาซาร์ส (Mazars) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศและดินแดนปกครองพิเศษ และฟอร์วิส (FORVIS) ซึ่งเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา ได้โอกาสประกาศเปิดตัวบริษัท ฟอร์วิส มาซาร์ส (Forvis Mazars) บริษัทเครือข่ายใหม่ระดับโลกอย่างเป็นทางการ ฟอร์วิส มาซาร์ส บริษัทเครือข่ายระดับโลก 10 อันดับแรก* เป็นผู้เข้ามาใหม่รายใหญ่ที่สุดในการจัดอันดับโลกในรอบหลายทศวรรษ ในฐานะบริษัทเครือข่ายที่มี 2 บริษัท ฟอร์วิส มาซาร์ส  เป็นบริษัทมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในตลาดและมีความคล่องตัว มีศักยภาพและขีดความสามารถ และมีเครือข่ายที่ครอบคลุมไม่ว่าจะทำธุรกิจอยู่ที่ใดก็ตามในโลก การเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้เกิดทางเลือกในตลาดเพิ่มมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการส่วนใหญ่ได้กว้างขวางขึ้น เผยรายชื่อผู้บริหารคนสำคัญ เครือข่ายของบริษัทประกอบด้วยสององค์กรสมาชิก ได้แก่บริษัทฟอร์วิส มาซาร์ส แห่งสหรัฐอเมริกา และ ฟอร์วิส มาซาร์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบูรณาการระดับนานาชาติที่ดำเนินงานในกว่า 100

เพื่อเป็นการตอบสนองและรองรับความต้องการของธุรกิจที่เริ่มมีการรับรู้ถึงผลกระทบในเรื่องประเด็นเกี่ยวกับความยั่งยืนที่อาจส่งต่อการประเมินมูลค่าธุรกิจ  มาซาร์ส บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก พร้อมนำเสนอบริการให้คำปรึกษาเพื่อส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถนำหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมาภิบาล  (ESG) ลงในกระบวนการประเมินมูลค่าธุรกิจ โดยบริการนี้ สามารถปรับให้เข้ากับองค์กรธุรกิจขนาดต่างๆ รวมถึงสตาร์ทอัพ และธุรกิจขนาดย่อม (SMEs) ที่มีความกังวลอยู่ว่าเรื่องสภาพการณ์ทางธุรกิจกำลังเปลี่ยนทิศทาง และประเด็นเรื่องของความยั่งยืนนั้นเริ่มส่งจะผลกระทบมากขึ้นต่อการประเมินมูลค่ากิจการและมูลค่าของธุรกิจโดยรวม หลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลขององค์กร หรือ ESG ที่ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียนไปจนถึงหลักปฏิบัติด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญในการกำหนดทิศทางทางการเงินขององค์กรธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ที่ผ่านมา ประเด็นเหล่านี้มักจะเกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบัน ความสำคัญของการใช้แนวคิด ESG ในการทำธุรกิจได้ขยายขอบเขตออกไปกว้างกว่าเดิม โดยเริ่มส่งผลกระทบอย่างมากต่อการประเมินมูลค่าของธุรกิจสตาร์ทอัพและ SMEs ด้วยเช่นเดียวกัน บริษัทมาซาร์สเองก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะแนะนำให้ลูกค้าองค์กรได้รวมเอาประเด็นด้าน ESG มาไว้เป็นส่วนหนึ่งในการนำมาใช้การประเมินมูลค่าของธุรกิจ เพื่อให้สามารถประเมินมูลค่าตลาดของธุรกิจได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น "มาซาร์สเข้าใจดีว่าธุรกิจแต่ละประเภทมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงมีความเสี่ยงและโอกาสจากการนำประเด็นด้าน ESG ที่เป็นประเด็นเฉพาะของธุรกิจประเภทนั้นๆ" นาย ประเสนจิต จักรบอร์ตี,

มาซาร์ส (Mazars) และMazars (FORVIS) ประกาศการผนึกกำลังสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ ส่งผลให้เป็นเครือข่ายธุรกิจที่ติดอันดับท็อป 10 ของโลก โดยความร่วมมือดังกล่าวจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ภายใต้ชื่อ “ฟอร์วิส มาซาร์ส” เครือข่ายใหม่นี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทเติบโตในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องการขยายตัวสู่ระดับสากล เครือข่ายธุรกิจได้รวมตัวเป็นหนึ่งเดียว และจะดำเนินงานภายใต้แบรนด์เดียวกันทั่วโลก นั่นคือ “ ฟอร์วิส มาซาร์ส” และด้วยรายได้ที่รวมกันได้สูงถึง 4.7 พันล้านยูโร (5 พันล้านดอลลาร์) บริษัท ฟอร์วิส มาซาร์ส จะขึ้นแท่นติดอันดับเป็นหนึ่งในสิบธุรกิจชั้นนำระดับโลก  ธุรกิจที่เกิดจากความตกลงกันของสองบริษัท ถูกออกแบบให้ทำงานได้อย่างคล่องตัว สามารถส่งมอบผลงานที่มีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง และมีเครือข่ายการดำเนินงานทั่วโลกจนทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ  ทั้งนี้ พนักงานของทั้งสองบริษัทจะยังคงสังกัดอยู่ภายใต้บริษัทเดิม 

 มาซาร์สในประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินชั้นนำ ประกาศว่าบริษัทพร้อมให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศไทย ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายใต้ประมวลรัษฎากร กรณีมีเงินได้พึงประเมินจากต่างประเทศ การตีความแนวปฏิบัติฉบับใหม่นี้ อยู่ในคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 161/2566 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 15กันยายน 2566 ป.161/2566 นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรในการตีความมาตรา 41 ของประมวลรัษฎากร ซึ่งกำหนดไว้ว่าบุคคลซึ่งเป็น ไม่ว่าเงินได้จากแหล่งต่างประเทศนั้นจะเกิดขึ้นในปีใดก็ตาม การตีความใหม่นี้จะส่งผลกับเงินได้ที่นำเข้ามาในประเทศไทย และจะต้องเสียภาษี โดยคำสั่งใหม่นี้จะเริ่มใช้บังคับกับเงินได้ที่นำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ การตีความการเสียภาษีบนรายได้จากแหล่งต่างประเทศสำหรับผู้เสียภาษีที่อยู่ในประเทศไทย จะอาศัยความตามคำสั่งเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ที่มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินจากต่างประเทศ และนำเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีปฏิทินถัดไปจากปีที่มีเงินได้ การตีความนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาที่มีกิจการหรือมีทรัพย์สินในต่างประเทศ นายโจนาธาน สจ๊วต สมิทธ หุ้นส่วนด้านภาษี ของมาซาร์สในประเทศไทย คาดการณ์ว่า คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 161/2566 จะส่งผลกระทบต่อผู้เสียภาษีเป็นอย่างมาก