Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

meetSPACE

เล่าโดย : ชาญพิชิต พงศ์ทองสำราญ    เกิด-ดับ  : จิตรกรรมวาดเส้นร่วมสมัย (รูป-นาม)  ของ พัชราภรณ์ ใบโพธิ์สุวรรณ “จีนที” เรียนจบปริญญาตรีและโท สาขาศิลปะไทยจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์  มหาวิทยาลัยศิลปากร สาวน้อยร่างเล็ก แต่พลังและฝีมือที่ถ่ายทอดลงไปในงาน ไม่เล็ก ทั้งชั้นเชิง .. ไม่เล็ก ทั้งความคิด ที่กลั่นลงมาบนผืนผ้าใบ เธอ - หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งลายเส้นจิตรกรรม เธอ - เปรียบ .. จิตรกรรมวาดเส้น คือ “รูปธรรม" เพื่อสะท้อนความเป็น “นามธรรม”  ทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง มันคือความจริง เห็นอยู่ ดำรงอยู่ในธรรมชาติ .. การเรียนศิลปะไทยมาอย่างเข้มข้น การเป็นคุณแม่ผู้มีลูกน้อยสองคนในวัยสามสิบกลางๆ รวมถึงการตั้งคำถามกับชีวิตหลังพบเห็นการจากไปของบุคคลรอบตัว ทั้งคนรู้จัก

อากาศร้อนระอุในตอนบ่าย แทบจะเผาไหม้อวัยวะภายในให้หลอมเป็นหนึ่งเดียว แม้จะยืนนิ่งๆ แต่หยาดเหงื่อก็หลั่งชโลมทั่วกาย จะขยับหนีไปไหน ก็เสียจุดยืนในทันที     เรายืนเกาะรั้ว บริเวณลานพิธีลุยไฟ ในงานสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จ.ปัตตานี ท่ามกลางแดดที่ร้อนจัด ผู้คนที่แออัด  ได้แต่อิจฉาคนในอัฒจันทร์ใต้หลังคาฝั่งตรงกันข้าม และได้แต่ยืนมอง บรรดาช่างภาพหนุ่มที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเก็บภาพภายในลานพิธีได้ ขณะที่สตรีห้ามเข้าลานพิธีโดยเด็ดขาด     นานราวกว่าชั่วโมง ที่ผู้คนถูกตรึงไว้ใต้เปลวแดด ไม่มีคำบ่น ไม่มีคำตัดพ้อ มีแต่ลมหายใจที่รอพิธีสำคัญที่จะเกิดขึ้นตรงหน้า กลุ่มผู้ดูแลกองไฟ เลี้ยงถ่านและเปลวเพลิงไว้ตั้งแต่เก้าโมงเช้า ซึ่งเราได้ผ่านการชมพิธีลุยน้ำมาแล้ว ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง เพราะแม้จะว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น ผู้แบกเกี้ยวซึ่งมีองค์พระประทับอยู่ ไม่มีวันจะจมน้ำ ทั้งคนทั้งพระ     เสียงโฆษกประกาศถึงเวลาสำคัญ พิธีกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผู้ดูแลกองไฟ พัดโหมปลุกความร้อนแรงขึ้นมา ขบวนเกี้ยวองค์พระกว่า 20 องค์ ซึ่งมีทั้งเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เจ้าแม่กวนอิม หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และองค์พระจำลองอื่น ที่ทยอยกันเข้ามา เดินวนรอบกองไฟ แนบแนวรั้วให้ผู้คนได้สัมผัสถึงบารมี

ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ที่ตรงนั้นก็คือโลกของคุณ มุมเล็กๆ ในร้านกาแฟกับหนังสือเล่มโปรด เพลงเพราะๆ จากเครื่องเสียงรถยนต์ ขณะที่ติดไฟแดง ร้านอาหารร้านโปรดที่คุณฝากท้องเอาไว้ แต่โลกที่เป็นคุณมากที่สุด ก็คือบ้านของคุณเอง การเลือกเฟอร์นิเจอร์ ก็เหมือนการสร้างโลกของเรา ดังแนวคิด The Signature of Living ที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน  “Thailand International Furniture Expo 2018 (TIF Expo 2018)” งานแสดงเฟอร์นิเจอร์คุณภาพระดับส่งออก โชว์ศักยภาพการผลิตและดีไซน์ที่หลากหลายได้รับมาตรฐานระดับโลก ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้หลากหลายรูปแบบ จัดโดยกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ทราบตัวเลขการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของประเทศไทยว่ามีมูลค่ากว่า  3.7 หมื่นล้าน ได้เห็นจากงานนี้ยิ่งเข้าใจ ว่าทำไมเฟอร์นิเจอร์ไทยถึงได้รับการยอมรับดีขนาดนี้ ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล การผลิตที่ประณีต จากไอเดียที่ตอบโจทย์ได้หลากหลาย เอาเป็นว่า ไม่เสียเวลา ไปดูกันดีกว่า ว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้เดินชมงาน เราได้พบเจออะไรมาบ้าง งานนี้แบ่งเป็น 4 โซน ประกอบด้วย โซนแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการกวก่า

งานแฮนเมดได้ชื่อว่า เป็นชิ้นเดียวในโลก เพราะแม้ว่าจะทำขึ้นใหม่ ในแบบเดียวกัน ลายเดียวกัน แต่มันก็ไม่อาจจะเหมือนกันเป๊ะ นับเป็นผลงานชิ้นเล็กๆ ที่ดึงดูดสายตาให้ปรี่เข้าไปหา กับลวดลายหลากหลายแบบที่นำมาทำเป็นจี้สร้อยคอพร้อมต่างหู ภายใต้แบรนด์ PITA พอได้รู้ว่ายังมีผลงานที่ออกแบบมาแล้วนับพันลาย และอยู่ในรูปแบบของจี้และต่างหูเท่านั้น ฟังแล้วก็ว้าวเบาๆ     PITA เป็นแบรนด์เครื่องประดับ ย้ำว่าเฉพาะจี้สร้อยคอและต่างหูเท่านั้น เป็นผลติภัณฑ์เซรามิกที่มาจากจังหวัดลำปาง โดยสานต่อจากธุรกิจครอบครัวที่มีอายุกว่า 40 ปี  ซึ่งเป็นโรงงานเซรามิค จำพวก แจกัน จานชาม ตุ๊กตา แบบที่เห็นได้โดยทั่วไป เมื่อ 20 ที่แล้ว "ณภัทร โชติพฤกษ์ชูกุล" ได้ต่อยอดธุรกิจครอบครัว ด้วยการนำกระบวนการของเซรามิกมาทำเป็นเครื่องประดับ ภายใต้แบรนด์ “PITA”     เธอไม่ได้เรียนจบด้านศิลปะ แต่มาจากสายสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยการศึกษางานออกแบบทั้งในและต่างประเทศ มีการติดตามเทรนด์เครื่องประดับทุกปี ทำให้ลวดลายของ PITA มีนับพันแบบ

ไนกี้ ผู้นำนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เนรมิตร้านคาร์นิวัล สยามสแควร์ ซอย 1 ให้สัมผัสประสบการณ์ที่ลอยได้แบบเหนือใคร ผ่านแรงบันดาลใจจากโครงสร้าง AIR Unit ในรองเท้า Nike Air Max 270 รองเท้ารุ่นแรกในตระกูลแอร์แมกซ์ ซึ่งเป็นรองเท้าไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะเพื่อการสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน ด้วยประสบการณ์สุดพิเศษภายใต้แนวคิด Maxperience ให้ลอยไปบนอากาศแบบเต็มแมกซ์จากการสร้างสรรค์โดยสอง Pionairs แห่งยุค คือ Apostrophy’s และวง Paradox   “สำหรับกิจกรรมสุดพิเศษนี้ ไนกี้ ได้ร่วมมือกับร้านคาร์นิวัล พร้อมได้รับเกียรติจากสอง Pionairs ที่มีคาแร็คเตอร์เฉพาะตัว โดดเด่น และเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ อย่างทีม Apostrophy’s มาสร้างงาน Interactive installation ผสานกับบทเพลงจากวง

“จารุวัฒน์: คนในความจำ” โดย จารุวัฒน์ น้อมรับพร ณ แกลลอรี่ ชั้น 36 โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม) 3 มีนาคม – 30 เมษายน 2561 เดอะแกลเลอรี 36 โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม) นำเสนอนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะเดี่ยวครั้งแรกของจารุวัฒน์ น้อมรับพร กับงาน “จารุวัฒน์: คนในความจำ” โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม – 30 เมษายน 2561 นี้เท่านั้น จารุวัฒน์: คนในความจำ นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของศิลปินอนาคตไกล ผู้เชื่อมั่นในความรักและให้ความรักนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนในการแสดงผลงานศิลปะผ่านทางผืนผ้าใบ ผลงานชุดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะบันทึกเหตุการณ์ เรื่องราว ความจำ ผู้คน

ผลิตผลและผลิตภัณฑ์ของโครงการหลวงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและได้รับความนิยมในคนไทยและต่างชาติ เพราะขึ้นชื่อในเรื่องของกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยโดยเกษตรกรชาวเขาที่ได้รับการส่งเสริมการเพาะปลูกจากมูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 [caption id="attachment_12665" align="aligncenter" width="450"] สลัดอกเป็ดเสาวรส โดยเชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม[/caption] [caption id="attachment_12664" align="aligncenter" width="450"] ส้มตำสาวดอย โดยกัญญณัช อรภาภัทรกุล[/caption]   [caption id="attachment_12658" align="aligncenter" width="450"] Mixed Fruit Flambé โดยเชฟปอม-ธนทรรศน์ วรางค์รัตน์[/caption] วันนี้พืชผักผลไม้และผลิตภัณฑ์ของโครงการหลวงได้เป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าเชฟและบาริสต้าชั้นนำรังสรรค์เมนูขึ้นมาใหม่ ในงาน ‘มหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์โครงการหลวง" The Miracle of Royal Project’ ไม่ว่าจะเป็นเมนูสลัดอกเป็ดเสาวรส โดยเชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม เมนู Mixed Fruit Flambé (มิกซ์ ฟรุ้ท

โลกศิลปะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโลกแฟชั่นมาโดยตลอด จนบางครั้งกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ DNA ของแบรนด์ โดยผลงานต่างๆ ของบรรดาศิลปินหน้าใหม่ ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจที่ไม่มีวันจบสิ้น จนอาจกล่าวได้ว่าศิลปะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่นเลยก็ว่าได้ แบรนด์ Marni ก็เช่นกัน คอลเล็กชั่น Spring/Summer 2018 ของ Marni ต้องมนต์สะกดของงานออกแบบอันตรงไปตรงมา และปราศจากความเกี่ยวข้องกันของศิลปินท่านหนึ่งที่ชื่อ Magdalena Suarez Frimkess Magdalena เป็นชาวเวนเนาซูเอลาโดยกำเนิด แต่เติบโตอยู่ที่แคลิโฟเนีย เธอเลือกนำเสนอภาพที่ตราตรึงใจของเธอผ่านสายตาอันไร้เดียงสาของเด็ก และรังสรรค์ขึ้นใหม่บนเซรามิกด้วยความช่วยเหลือของสามี Michael Frimkess เธอตีความทุกอย่างใหม่ขึ้นทั้งหมดในมุมมมองของเธอเอง แต่เป็นการมองผ่านสายตาของเด็กทารก ไม่ว่าจะเป็นภาพการ์ตูน สโลแกนโฆษณา ภาพพอร์ทเทรต และโลกทัศน์ส่วนตัวต่อชายหาดเวนีซ เป็นงานที่สอดแทรกนัยยะอันเสียดสี แต่ก็เต็มไปด้วยจินตนาการล้ำเลิศ Magdalana เล่นกับการใช้เทคนิคประติดประต่อผ้าบนเชิ้ต คล้ายกับการปลุกปั้นชีวิตให้แก่เสื้อผ้า ในขณะเดียวกัน ก็ใช้เทคนิคการออกแบบอีกหลายหลายวิธีบนกระโปรง เชิ้ต และสูท โดยเล่นกับขนาดในแบบที่คาดไม่ถึง ซึ่งนอกจากจะมีการใช้สเกลที่หลากหลายแล้ว ยังเล่นกับสีสันเสื้อทีเชิ้ตเจอร์ซี่ด้วยรูปร่างลักษณะที่ผิดแปลกออกแบบตามใจตนคิดในขณะนั้น พบกับ Marni ที่สร้างสรรค์ร่วมกับ Magdalena Suarez Frimkess ได้ที่ เอราวัณ แบงค๊อก

ไม่ใช่แค่คิดก็คิดได้ เพราะนี่คือการคิดแล้วคิดอีก คิดได้แล้วอาจจะยังไม่เข้าท่า ก็ต้องว่ากันใหม่ เราอาจจะเจอเขาในตอนท้ายที่พบกับความสำเร็จ  แต่ก่อนหน้านั้น มวลความคิดมหาศาลถูกนำออกมาจัดการกับสิ่งที่เขาเชื่อมั่นว่า มันไม่ควรจะไร้ค่าต่อไปอย่าง “กะลา”   พบเห็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกะลามามากแล้ว แต่ส่วนใหญ่ มันก็ยังเป็นกะลาที่ออมาในรูปแบบที่เรียกได้ว่า เชยสนิท เหมือนช่วงแรกที่ “สุวิทย์ แก้วจันทร์” คิดว่า จะเอากะลามะพร้าวที่กองท่วมหัวในหลายต่อหลายพื้นที่มาทำอะไร เขายอมรับว่าเคยคิดเหมือนคนอื่น และแป๊กไม่เป็นท่า พวงกุญแจกะลาที่เห็นโดยทั่วไป แม้จะราคาถูกก็โดนคนเมินใส่ เพราะมันไม่ได้มีอะไรแตกต่าง เขาเริ่มมองหาทางทำให้กะลาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดสายตาของผู้คนให้ได้ โดยผลิตเป็นของใช้ที่ขนาดใหญ่ขึ้นๆ จนมาถึงโคมไฟขนาดยักษ์ ที่เราได้พบเจอในวันนี้     สุวิทย์เป็นชาวใต้ที่มาปักหลักอยู่เมืองแพร่ ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีผลิตภัณฑ์ไม้ที่โดดเด่น แต่เส้นทางของเขา คือ กะลามะพร้าวเท่านั้น จากวันที่เริ่มต้นมาจนถึงวันนี้ เกือบ 20 ปีแล้วที่เขาอยู่กับกะลา แต่ไม่ได้อยู่แค่ในกะลา เพราะเขาพยายามคิดค้น ศึกษา ทดลอง จนมาเป็นกะลาที่ไม่ธรรมดาแล้ว เพราะมันคือ “กะลาทองคำ”

นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวไทย ที่มีเอกลักษณ์ของงานศิลปกรรมอันวิจิตร สะท้อนภูมิปัญญาจากฝีมืออันประณีต และยังคงสืบสาน ต่อยอด เพื่อการอนุรักษ์และพัฒนา เพื่อให้ผลงานอันทรงคุณค่ายังคงอยู่สืบไป ล่าสุด มีการจัดงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 9” ขึ้นในวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT และภายในงานนี้มีการมอบรางวัลเพื่อเชิดชู ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปะหัตกรรม และ ทายาทช่างศิลปะหัตกรรม ซึ่งเรามีตัวอย่างของผู้ที่ได้รับรางวัลในแต่ละประเภทมาให้ชมกันพอหอมปากหอมคอ แต่หากใครได้ไปชมในงานจะรู้ว่ายังมีผลงานอันทรงคุณค่าระดับสุดยอดอีกเพียบ รางวัลครูศิลป์ของแผ่นดิน 2561 ครูบัวไหล คณะปัญญา อายุ 88 ปี เชียงใหม่ ประเภทเครื่องกระดาษ “งานหัตถกรรมโคมล้านนา” ผู้สั่งสมภูมิปัญญาและประสบการณ์การทำโคมล้านนามานานกว่า 76 ปี ด้วยฝีมือการใช้กรรไกรเพียงด้ามเดียวตัดกระดาษเป็นลวดลายที่ละเอียดและคมชัด จนได้รับการกล่าวขานและยอมรับว่าเป็น “แม่ครูแห่งการทำโคมล้านนา” ครูบัวเลิศ

ทุกปีในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปีชงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีการพูดถึงและอินกันมากที่สุดเรื่องหนึ่งทั้งในหมู่คนจีนและคนไทย คนที่เกิดในปีนักษัตรที่ชงก็จะเดินทางไปแก้ชงตามสถานที่ต่างๆ ทั้งวัด ศาลเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้ปีนี้กลายเป็นปีที่ดี ไม่เพียงแค่นั้น สำหรับคู่รักที่เชื่อเรื่องปีชง ปีนักษัตรที่เกิดก็มีอิทธิพลอย่างมาก เพราะหากเป็นปีที่ชงหรือไม่ถูกโฉลกกันแล้วล่ะก็ ตามความเชื่อก็คือจะทำให้มีชีวิตคู่ที่ไม่ราบรื่นและเต็มไปด้วยอุปสรรค วันนี้เราจึงลองจับคู่ตัวละครจากซีรีส์ดัง ข้ามเรื่องมาโคจรคบกัน ดูว่าจะเกิดการชง! ชง! ชง! ขนาดไหน เจสสิกา โจนส์และปาโบล เอสโกบาร์: คู่แรกที่ชงตั้งแต่เห็นชื่อ นั่นก็คือ เจสสิกา โจนส์จากเรื่อง เจสสิกา โจนส์จากมาร์เวล (Marvel’s Jessica Jones) และปาโบล เอสโกบาร์จากนาร์โคส (Narcos) ที่ถ้าหันมาคบกันจริงๆ (ถึงแม้ว่าอยู่กันคนละยุคและจักรวาล) ความโกลาหลเกิดขึ้นแน่นอน แค่หน้าที่การงานก็ไปด้วยกันไม่ได้แล้ว เจสสิกานั้นคือทนายผู้รักษากฎหมาย ส่วนปาโบลคือนักค้ายาระดับโลก อีกทั้งความหัวร้อนบ้าพลังของทั้งคู่ก็น่าจะเป็นหลักประกันได้ว่า มาคบกันเมื่อไหร่ คู่นี้ต้องพัง!

นี่อาจจะไม่ใช่สินค้าใหม่ เพราะนานมาแล้วที่เรารู้จักกับแผ่นมาสก์หน้าเกิดขึ้นในบ้านเรา แต่ในความเนิ่นนานจนกลายเป็นความชินตา เราก็ละเลยไปจนลืมนึกถึงความหมายที่ใกล้ตัวของมันมากที่สุด เพราะจะว่าไปแผ่นมาสก์มันก็คือหน้ากาก แต่ที่ผ่านมา มีเพียงแค่แผ่นมาสก์สีขาวๆ ออกมาให้เห็น จะมีสีอื่นบ้าง มีลาดลายอื่นบ้าง แต่ก็ยังไม่ตรงประเด็นเหมือนวันนี้ เราคงไม่พูดถึงแผ่นมาสก์หน้าไอ้มดแดง อุลตร้าแมน หรือสเดอร์แมน เพราะหากต้องการสื่อสารว่านี่คือแบรนด์ไทย หน้ากากนั้นก็ต้องมาจากเรื่องราวซุปเปอร์ฮีโร่แบบไทยๆ อย่างตัวละครในวรรณคดี และที่สะดุดตาและเป็นเอกลักษณ์ที่สุด ก็น่าจะเป็นหน้ากากแบบยักษ์อย่างที่เห็นอยู่นี้   วันนี้เราได้พบกับแผ่นมาสก์หน้า “รามายณะ” ที่พิมพ์ลาดลายของใบหน้าของ ทศกัณฐ์ ไมยราพ หนุมาน และสุครีพ  มาใน 4 โทน เขียว แดง น้ำเงิน ชมพู ดูโดดเด่นสะดุดตา เป็นฝีมือและการสร้างสรรค์จาก บริษัท วรินดา อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด ผู้ผลิตและนำเข้าสกินแคร์

เหล่าคนดังในวงการ หนัง เพลง กีฬา มักจะถูกผูกโยงมาเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมในการออกแบบสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มนาฬิกา ซึ่งมีคอลเล็คชั่นพิเศษออกมาสร้างสีสันและความน่าสนใจ เช่นเดียวกับการเดินทางในรอบ 25 ปี ของเรือนเวลาลุคสปอร์ต รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ (ROYAL OAK OFFSHORE) โดยแบรนด์ “โอเดอมาร์ ปิเกต์” (AUDEMARS PIGUET)  จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสร้างผลงานการออกแบบที่ครองใจเหล่านักแสดง นักกีฬา รวมทั้งกลุ่มเซเลบริตี้ทั่วโลก ไปดูกันว่ามีรุ่นไหนจากแรงบันดาลใจใดกันบ้าง   1999 ROYAL OAK OFFSHORE End of Days เรือนเวลาดังกล่าวถูกสวมใส่โดยนักแสดงมากความสามารถอย่าง อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์(Arnold Schwarzenegger) ในขณะเข้าฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “End of Days” ซึ่งชวาเซเนกเกอร์ถือเป็นผู้ร่วมดีไซน์คนสำคัญในครั้งนี้

[caption id="attachment_12342" align="alignnone" width="900"] ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ทรงตีกลองเปิดงาน “สยาม ดีไลท์ฟูล ไชนีส นิวเยียร์” พร้อมประทานซองอั่งเปาแก่สิงโต ตลอดจนฉายพระรูปร่วมกับนักแสดง[/caption] บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ผนึกกำลัง 3 ศูนย์การค้า แสดงพลังความเป็น “วัน สยาม” (One Siam) ทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดงาน “สยาม ดีไลท์ฟูล ไชนีส นิวเยียร์” (Siam Delightful Chinese New Year) ฉลองปีเทศกาล  ภายใต้แนวคิด

เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน กรุงเทพฯ ร่วมกับ กระดาษเช็ดหน้าคลีเน็กซ์ สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาชุด “#อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ” หยิบประเด็นสังคมเรื่องการถูกรังแกในวัยเด็ก (Bully) ผ่านเรื่องจริงจาก “ริกะ อิชิเกะ” นักกีฬา Martial Arts หญิงมืออาชีพของไทย ผ่านฝีมือการกำกับของผู้กำกับพันล้าน “บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” 80% ของเด็กไทยมีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งในชีวิตจริง 45% ของเด็กไทยมีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์อย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งติดอันดับ Top 5 ของโลก เลขจำนวนนี้ชี้ให้เห็นว่า การกลั่นแกล้ง (Bully) อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน แล้วปัญหานี้ควรจะถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของช่วงวัยนี้หรือเปล่า? ประสบการณ์ในวัยเด็กเป็นสิ่งที่หล่อหลอมตัวตนของเด็กคนนั้นว่าจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่แบบใด โลกของเด็กที่มีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งหรือถูก Bully ต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นการรังแกทางร่างกายเช่นการดึงผมโดนผลักหรือการข่มขู่ด้วยอุปกรณ์ทางคำพูดเช่นการดูถูกเหยียดหยามการล้อเลียนลักษณะภายนอกหรือการรังแกผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กรวมไปถึงทางอารมณ์อย่างการถูกกีดกันออกจากกลุ่มเพื่อนทำเหมือนไม่มีตัวตนการกลั่นแกล้งลักษณะนี้นอกจากอาจทำให้เกิดบาดแผลทางกายแล้วสิ่งที่รุนแรงกว่านั้นคือบาดแผลในจิตใจที่ส่งผลให้เด็กที่เป็นผู้ถูกกระทำมีอารมณ์ซึมเศร้าวิตกกังวลจนทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวแยกตัวออกจากสังคมไม่อยากไปโรงเรียนซึ่งอาจทำให้ผลการเรียนตกต่ำลงหรือต้องออกจากโรงเรียนมีพฤติกรรมการกินการนอนผิดปกติทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพไม่มีความสุขในการทำกิจกรรมที่ชอบขั้นร้ายแรงคือการบรรเทาสภาพจิตใจตัวเองในวิธีที่ผิดอย่างการใช้สารเสพติดและทำร้ายตัวเองหรือไปจนถึงฆ่าตัวตายได้โดยบาดแผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้อาจยังคงฝังลึกเป็นแผลเป็นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่และมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นผู้รังแกคนอื่นเสียเองได้ในอนาคต …นี่คือปัญหาใหญ่ของทั้งสังคมไทยและสังคมโลกที่ “ผู้ใหญ่” มักมองข้าม เพราะคิดว่า

กรุงเทพฯ กุมภาพันธ์ 2561 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด  ภูมิใจนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ Amazing Thailand ‘Open to the New Shades’  ซึ่งได้มีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ภายในงาน World Travel Market (WTM) ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเดินทางทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารอร่อยหาดทรายขาวสะอาดวัฒนธรรมประเพณีที่งดงามและโดยเฉพาะอย่างยิ่งมิตรไมตรีและรอยยิ้มของคนไทยโดยสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศไทยถึงครองใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาได้เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเสน่ห์ของประเทศไทยจะเป็นที่รู้จักในหมู่นักเดินทางชาวต่างชาติเป็นอย่างดีแล้ว ยังคงมีวัฒนธรรมและความหลากหลายด้านอื่นๆ อีกมากมายที่รอการค้นพบโดยผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ อาหาร วิถีการกินอยู่ และวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งล้วนแต่เป็นมิติใหม่ๆ ในสายตาของนักท่องเที่ยวอาจจะคาดไม่ถึง เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งแสวงหาประสบการณ์อันมีคุณค่าแตกต่างนั้น บีบีดีโอ กรุงเทพ

มองครั้งแรกนั้น เสมือนหนึ่งเป็นภาพนิ่งจากฉากของภาพยนตร์ ที่โดนกดแช่เอาไว้ มองอีกครั้ง เก็บลึกลงในรายละเอียด ครั้งนี้ ได้แต่ปล่อยใจให้คล้อยตามด้วยความหลงใหลในความคิดและไอเดีย อิลยา นอเดีย (ILYA NODIA) ด้วยวัยเพียง 27 ปี ศิลปินหนุ่มชาวรัสเซียผู้ นีมี้ทักษะทางด้านศิลปะและเทคนิคต่างๆ อย่างน่าทึ่ง เขาสามารถผสานแนวการถ่ายภาพให้เข้ากับแรงบันดาลใจจากหลายสิ่ง รวมถึงการใช้ศิลปะแขนงที่ 7 ในการถ่ายทอดภาพถ่ายบุคคล ในรูปแบบของภาพถ่ายแนวภาพยนตร์เป็นต้นว่า ภาพนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ภาพสามัญชนคนธรรมดาที่ไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่นปลอมตัวเป็นยอดมนุษย์ เขาสามารถหลอกล่อสายตาผู้ชมด้วยฝีมือชั้นยอดในการจัดฉาก การให้แสง การออกแบบเครื่องแต่งกาย และการวางกรอบให้ภาพ สร้างบรรยากาศเสมือนภาพยนตร์ ทำให้ผู้ชมคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย ว่าสิ่งที่กำลังรับชมอยู่นั้น เป็นภาพจากการกดหยุดฉากๆ หนึ่งในภาพยนตร์ไว้เท่านั้น [caption id="attachment_12266" align="alignnone" width="900"] CAPTAIN SADNESS[/caption] อิลยา นอเดีย เล่าว่า “ผมต้องการที่จะสร้างสิ่งที่เป็นมากกว่าภาพถ่าย

สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ถ้าพูดถึงโรงแรมก็ต้องนึกถึงที่พักผ่อนเวลาเดินทางไปเที่ยวหรือไปทำงาน แต่ในญี่ปุ่นนั้นคำว่าโรงแรม ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความหมายนั้นแล้ว เพราะที่พักบางแห่งในดินแดนอาทิตย์อุทัย กำลังปรับตัวเอง เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โยชิตากะ ยาซุ ศิลปินและเจ้าของโฮสเทลแห่งใหม่ในญี่ปุ่น อธิบายว่า ตามปกติแล้วผู้คนมักใช้เวลาอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงอยู่ในโรงแรม ซึ่งการนำศิลปะเข้ามาไว้เป็นส่วนหนึ่งของที่พัก ก็จะทำให้พวกเขามีเวลามากพอที่จะชื่นชมกับศิลปะได้ ปัจจุบัน โรงแรมขนาดเล็กหลายแห่งในญี่ปุ่น ได้กลายมาเป็นศูนย์จัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่ หรือมีการแขวนภาพเขียนไว้ตามห้องพัก เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า “บีเอ็นเอ โฮเต็ล โคเอนจิ” โรงแรมในกรุงโตเกียวที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้ว ตั้งใจที่จะสร้างสถานที่จัดแสดงผลงานแห่งใหม่ เพื่อให้การสนับสนุนบรรดาศิลปินและดึงดูดความสนใจของลูกค้า ที่มีนายหน้าขายงานศิลปะพาเข้ามาชมผลงาน โรงแรมที่ตั้งอยู่ในเขต ซูกินามิ  แห่งนี้มีแกลเลอรีจัดแสดงงานศิลปะบริเวณชั้นล่างของโรงแรมและมีห้องพัก 2 ห้องที่ว่าจ้าง “โยเฮอิ ทากาฮาชิ” และ “ริวอิจิ โอกิโนะ” 2 ศิลปินร่วมสมัย เข้ามาตกแต่งภายในร่วมกับสถาปนิก ยู ทาซาวะ หนึ่งในคณะบริหารบีเอ็นเอ บอกว่า