คนแกร่งเดินด้วยขา คนล้าเดินด้วยใจ บุกแลนด์มาร์คแห่งใหม่ “จุดชมวิวเกาะห้อง”
สมมุติว่าคุณกำลังปีนเขา เป้าหมายคือยอดสูงสุด แต่เมื่อมาถึงกลางทางก็เริ่มล้า และคิดว่าคงเดินต่อไปไม่ไหว
คุณจะทำอย่างไร ….จะหันหลังกลับลงไป หรือกลั้นใจเดินต่อ
จริงๆ มันก็แล้วแต่สภาพ เพราะไม่รู้ว่า คำว่า “ไม่ไหว” จนต้อง “ถอดใจ” ในความหมายของใครมันก็คงไม่เท่ากัน
ด้วยสภาพที่อ่อนล้าและกำลังแข้งขาที่ไม่ค่อยได้ออกแรงนัก ทำให้การเดินขึ้นบันได 419 ขั้น ในวันที่แดดเปรี้ยงเป็นไปด้วยความทุลักทุเล แอบตำหนิตัวเองกับสัมภาระที่หอบหิ้วมาเต็มบ่า แต่กลับไม่มีน้ำเปล่าติดมาสักหยด
นี่ไม่ใช่เส้นทางการขึ้นเขาอันหฤโหด ระยะกว่า 200 เมตรนี้ ไร้ซึ่งความท้าทายของนักผจญภัย แต่สำหรับคนที่ร้างจากการออกกำลังกายมาระยะใหญ่ ถือว่าหนักเอาการ
ครึ่งวันเช้าเราและคณะลงเรือสปีดโบ๊ทจากท่าเรือหาดนพรัตน์ธาราไปเที่ยวชมยังเกาะต่าง ๆ ทั้งเกาะผักเบี้ย เกาะเหลาลาดิง แวะเข้าเกาะห้องลากูน จนมาเที่ยงที่ชายหาดบริเวณเกาะห้อง ใครที่ไม่เดินขึ้นเขาก็แวะชิลล์กับบรรยากาศ จะเล่นน้ำหรือแกะกล่องอาหารเที่ยงมาเติมพลังกันก่อนก็ไม่มีใครว่า แต่ “สายลุยค่ะ” ต้องไปต่อ
เดินมาจนสุดหาดที่เกาะห้อง เราจะเห็นบันไดระแนงเหล็กช่วงสั้นๆ เป็นจุดเริ่มต้น ดูแล้วไม่หนักหนา แต่ก็ไม่รู้ว่าระยะทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ก่อนจะลิงโลดขึ้นไปต้องลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ที่รอเก็บข้อมูลคนขึ้น-ลงเขาเสียก่อน
จากแรกเริ่มที่เห็นว่าบันไดที่ไต่มาเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่มันก็เลี้ยวไปเลี้ยวมา รู้ตัวอีกทีก็น่าจะครึ่งทางเพราะเป็นลานกว้างให้หยุดหอบ คนที่เดินสวนมาบอกว่า “ไม่ไกลแล้ว” แอบนึกในใจ “400 ขั้นอะไร ถึงนานขนาดนี้”
ยิ่งสูงยิ่งก้าวช้า ต้องเสียเวลาหยุดพักเป็นระยะ ช่วงสุดท้ายที่คนเดินสวนลงมาบอกว่า “จะถึงแล้ว” ก็ยังนึก “จะเชื่อได้หรือ” แม้จะเริ่มมองเห็นทะเลกว้าง เกาะแก่งกระจายไปทั่ว แต่ตอนนั้นมันโฟกัสอยู่กับเรี่ยวแรงที่อ่อนล้า พร้อมคำถามว่า “จะเอายังไงต่อ” เหมือนจะยอมถอดใจ เดินกลับไป ทั้งๆ ใกล้จะถึงจุดหมาย
ด้วยเวลาเที่ยงที่แดดเปรี้ยงจนแทบละลาย คำว่าหน้ามืดตาลายกำลังถามหา นึกหน้าเพื่อนพี่น้องที่หมั่นออกกำลังกาย หากได้รู้ได้ยินเสียงบ่นครานี้ คงได้ทีล้อกันสนุกปาก ไหนจะพรรคพวกด้านล่างที่เตือนแล้วว่าให้พกน้ำดื่มขึ้นมาด้วย หันมองคนอื่นที่เดินขึ้นมาแบบตัวปลิว ทำไมถึงดูง่ายดายขนาดนี้
และแล้วก็ฮึด…ลากขาลากใจที่กองหรากับพื้นไปตามทางจนถึงจุดสูงสุดในไม่ช้า แดดเปรี้ยงๆ กับระแนงเหล็ก ทำหน้าที่เหมือนเตาย่างเนื้อที่หมักซอสเหงื่อมาอย่างดี ลานเล็กๆ บนนั้นมีพื้นที่ไม่มากนัก และด้วยความร้อนระอุ ก็ไม่มีใครอยากยืนทนอยู่นาน
ยื่นเลนส์ลงไปถ่ายภาพขณะที่มือยังสั่น ลั่นไปไม่กี่แชะ แล้วเดินลากใจขี้แพ้ ไม่อยากเหลียวแลความงามใดๆ สู่พื้นล่าง
ถึงกับไม่อยากกินข้าวกินปลา นั่งนิ่งเหมือนหมาลืมเจ้าของ ดีหน่อยที่ร้านค้าบนเกาะเอื้อเฟื้อน้ำแข็งมาให้ครึ่งแก้วโดยไม่คิดเงิน ได้ดื่มน้ำเย็นๆ ซ่าๆ ปลอบใจตัวเองว่าเหนื่อยเป็นบ้า แต่คง “ไม่มีใครรู้หรอก”
ครึ่งวันบ่ายจึงกลายเป็นดาราหมดคิว ไม่หิว ไม่เริงร่า แต่ก็เริ่มฟื้นด้วยสายตาอีกครั้งเมื่อได้เห็นหาดขาวๆ น้ำไสๆ ที่เกาะปอดะ และทะเลแหวก แต่วันนี้เรือของเรามาเร็วเกินไป บนเกาะเพิ่งเริ่มเห็นแนวสันทรายเพียงแหวกเดียว เวอร์ชั่นเต็มมันต้อง 3 เกาะ 2 แหวก แต่ผู้คนที่เดินไปเดินมา ไม่เห็นมีทีท่าผิดหวัง แถมยังยิ้มสดชื่นกันแทบทุกคน
บางครั้งเราก็ต้องเก็บความสุขของผู้อื่นมาเป็นแรงใจ หากไม่มัววุ่นวายตีโพยตีพายกับตัวเอง คงได้ชื่นใจบนบนยอดเขาเกาะห้อง….ที่สวยสดงดงามจนไม่มีที่ติ
หมายเหตุ : การเดินขึ้นบันไดไปสู่จุดชมวิวเกาะห้อง เป็นความเหนื่อยส่วนบุคคล แต่คนที่มีโรคประจำตัว หรือผู้สูงอายุ ก็ควรพิจารณากันเป็นพิเศษ
เที่ยวจนล้า กลับไปหาที่พักดีๆ ที่อ่าวนางกันได้ https://www.meetthinks.com/krabi-la-playa-resort/