Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

กรุงเทพ-มาหา-นคร

เมืองคอน ยังมีอะไรที่หลายคนยังไม่รู้ และ คนคอนเอง ก็อาจจะไม่รู้…

ในงานแถลงข่าวกิจกรรมการส่งเสริมท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” ซึ่งมีเป้าหมายหนุนเมืองรอง น่าลอง น่ารัก  โดยได้ชูจังหวัด “นครศรีธรรมราช” เป็นเมืองรองที่มีศักยภาพในการเติบโต พร้อมด้วยแง่มุมที่น่าสนใจ

2 ประเด็นหลัก ที่ Meetthinks ได้กระจ่างจากงานนี้ นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมอันงดงาม อาหารการกินอันแสนอร่อย “นครศรีธรรมราช” ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่มาก เรียกได้ว่า “สมดีกรี” ของเมืองที่เคยถูกจัดอยู่ในกลุ่มเมืองรอง จาก 55 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมาแรง โดนใจนักท่องเที่ยวชาวไทย จนทำให้กำลังจะขึ้นแท่นเป็นเมืองหลักในเร็วๆ นี้

ประเด็นแรก จากคำบอกเล่าของ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ระบุว่า นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีรถไฟมากที่สุด ราว 33-34 สถานี โดยมี 2 ชุมทาง ทั้งชุมทางทุ่งสง และชุมทางเขาชุมทอง อีกทั้ง รถไฟในนครศรีธรรมราช ยังมุ่งหน้าสู่ 4 ทิศ โดยมีชุมทางทุ่งสงเป็นศูนย์กลาง แยกซ้ายไปจังหวัดทางฝั่งอันดามัน แยกขวาไปจังหวัดฝั่งอ่าวไทย ด้านตะวันออกไปยังสุไหงโกลก และด้านเหนือมุ่งสู่กรุงเทพ นับเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางทางราง มากที่สุดในประเทศไทย

อีกประเด็นคือ สถานีรถไฟแต่ละแห่งมีเรื่องเล่า เชื่อมโยงกับความเชื่อความศรัทธา  ไม่ว่าจะเป็น สถานีหน้าวัดธาตุน้อย (พ่อท่านคล้าย) หรือ สถานีชุมทางเขาชุมทอง (ซึ่งมีแต่งเป็นเพลง) ซึ่งมีอุโมงค์ทางรถไฟยาวถึง 300 เมตร เป็นต้น

ขณะที่ประเด็นของ “ไอ้ไข่ วัดเจดีย์” ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั่วทุกสารทิศ ปัจจุบัน ยังมีประเด็นที่น่าสนใจว่า ความเชื่อ ความศรัทธาที่มีต่อ “ไอ้ไข่” หรือ “น้าไข่” ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มคนเฒ่าคนแก่ แต่คนส่วนใหญ่ กลับเป็นกลุ่มคนวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ หรือคนทำงาน โดย 2 ปีที่ผ่านมา “วัดเจดีย์” ถือเป็นปรากฎการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเมืองคอน โดยมีผู้เข้ามาขอพร-แก้บน ประมาณ 3,000-4,000 คนต่อวัน มาจนถึงปัจจุบัน

มาที่กิจกรรม ภายใต้โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” ถือเป็นการดึงศักยภาพที่มีอยู่ของเมืองคอนออกมาประกาศให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้อีกครั้ง หลังจากแคมเปญ “นครศรี ดี๊ ดี” ทำให้เมืองรองต้องห้ามพลาดแห่งนี้ ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาเมืองรองด้วยกัน

นายวิรัตน์ รักษ์พันธุ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า  จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ชื่อว่า “นครสองธรรม” ประกอบด้วย ธรรมะ และ ธรรมชาติ จึงเป็น “นครแห่งความสุข” ที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง มีโบราณสถานสำคัญที่ทุกคนรู้จักกันดี คือ “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร”  นอกจากนั้นจังหวัดนครศรีธรรมราชยังมีเสน่ห์ที่น่าสนใจอีกมากในทุกอำเภอ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ ลำธาร และ ทะเล รวมถึงวิถีและวัฒนธรรมที่ร่ำรวยด้วยมรดกศิลป์ ทั้งการเล่นหนังตะลุง รำมโนราห์ เครื่องถม เครื่องเงิน ผ้ายก งานจักสานย่านลิเภา ตลอดจนเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีที่มีชื่อเสียง เช่น การแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ ประเพณีบุญสารทเดือนสิบ เป็นต้น

กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในโครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” จะช่วยสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ผู้ที่ยังไม่เคยมาเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวกรุงเทพที่ต้องการพักผ่อน หลีกหนีจากความวุ่นวาย และมลภาวะต่างๆในเมืองกรุง ได้มีโอกาสสัมผัสความสุขในแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งผู้ที่เคยมาท่องเที่ยวแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่ายังมีเสน่ห์ของการท่องเที่ยวอีกมากมายรอให้ไปสัมผัส รวมทั้งช่วยส่งเสริมภาพรวมเศรษฐกิจของจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมการกระจายรายได้ไปยังชุมชนต่างๆ จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกภูมิภาค เดินทางมาสัมผัสความสุขในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เหมาะกับการพักผ่อน เพื่อสัมผัสถึงประโยคที่ว่า “เวลาเดินช้าลง” โดยทางเจ้าบ้านพร้อมต้อนรับด้วยความยินดี

นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่มุ่งหวังให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสามารถกระจายรายได้ไปถึงท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง  55 จังหวัด ททท. จึงได้ดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน เพื่อสร้างการกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ พร้อมทั้งให้ความสำคัญในการเติบโตที่สมดุล ขานรับยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ควบคู่กับการพัฒนาประเทศ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ในช่วงปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจและเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น  ในปี 2561 นักท่องเที่ยวไทยมีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 114.82 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 3.93% โดยสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวตามภูมิภาคต่างๆ  เป็นนักท่องเที่ยวที่มีที่พำนักในกรุงเทพและปริมณฑล ททท. จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ภายใต้โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นนักท่องเที่ยวในกรุงเทพและปริมณฑลไปสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจังหวัดมีความโดดเด่นทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม    โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอย่าง “บ้านคีรีวง” ซึ่งเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 1 ของประเทศ รวมทั้งจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเมืองหลวงซึ่งเต็มไปด้วยความรีบเร่ง ได้สัมผัสมิติของการท่องเที่ยวอย่างผ่อนคลาย ในแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสุข ทั้งจากธรรมะ และ ธรรมชาติ

กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” มีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราชให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้รู้จักและให้เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดนครศรีธรรมราชมากยิ่งขึ้น นำมาซึ่งรายได้ การสร้างงานและการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค

นายสุชาติ ชายมัน ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในปี 2561 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราช 3,972,748 คน เติบโต 7% จากปีก่อนหน้า มีรายได้ 17,135 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่านโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เป็นหนึ่งในปัจจัยในการพัฒนาเศรษฐกิจและก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชน โดยปัจจุบัน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีศักยภาพและความพร้อมทางด้านการท่องเที่ยว โดดเด่นด้วยความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ มีโบราณสถานอันงดงาม พร้อมด้วยวิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและเงียบสงบ รวมทั้งอาหารการกินอันอุดมสมบูรณ์

นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความเงียบสงบ ความมีเสน่ห์น่าหลงใหล จะได้พบกับหลากหลายแง่มุมของการท่องเที่ยวในนครแห่งความสุข อาทิ “หมู่บ้านคีรีวง” อ.ลานสกา ซึ่งมีอากาศที่ดีที่สุดในประเทศไทย “หาดในเพลา” อ.ขนอม ซึ่งเป็นชายหาดที่ยังคงความสงบและเป็นธรรมชาติ “ทะเลหมอกเขาจังโหลน” อ.นบพิตำ ทะเลหมอกภาคใต้ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันแสนสดชื่น เป็นต้น ปัจจุบัน การเดินทางสู่จังหวันครศรีธรรมราช ยังสะดวกทั้งทางรถ ทางรถไฟ และเครื่องบิน นอกจากนั้นในตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ยังมีที่พักให้เลือกหลากระดับ มีของกินของใช้ ของฝาก ของที่ระลึก ให้เลือกซื้อหามากมายหลายชนิด ภายใต้การต้อนรับอย่างเป็นมิตรของเจ้าบ้าน

สำหรับแนวทางการส่งเสริมการเติบโตของจังหวัดนครศรีธรรมราช จะยังคงนำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ภายใต้ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับเจ้าบ้านและนักท่องเที่ยว เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน เคียงข้างความสมดุลของสิ่งแวดล้อมและวีถีชุมชน โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของนักท่องเที่ยวและรายได้ไว้ที่ 10% ในปี 2562

โดยในวันแถลงข่าวที่จัดขึ้น   ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์โครงการ นายภาณุภัทร์ สุกัลยารักษ์ และนางสาวภัสราภรณ์ ภูริพงศ์ธนวัต พร้อมเล่าประสบการณ์ความประทับใจที่ได้ไปถ่ายทำวีโอและเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมชมการแสดงศิลปะวัฒนะธรรมของจังหวัดนครศรีธรรมราชในงานอีกด้วย

นอกจากการโปรโมทโครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวในประเทศ ยังได้นำคลิปวิดีโอและเรื่องราวต่างๆ กระจายไปยังสื่อทางประเทศจีน โดยมี 2 เพจหลักๆ อย่าง “หลี่โหยวจิ่วเตี้ยงค้ง” และ “ฮัวเตอหลี่โหยวลื่อจี้”  ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 4 ล้านคน ด้วยคำนึงถึงศักยภาพของเมืองนคร ซึ่งเป็นที่สนใจของมาเลเซีย และสิงคโปร์อยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรมและความเชื่อ บวกกับ อาหารการกิน วิถีชีวิตที่น่าสนใจ จะทำให้ชาวจีน ให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น  หลักๆ จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวเอง และค้นหามุมมองใหม่ของเมืองไทย โดยมีเป้าหมายเข้ามาในเมืองรองมากขึ้น

ยังมีหลายเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับเมืองนครศรีธรรมราช บ้างก็บอกว่า แทบไม่รู้จักอะไรนอกจากวัดพระมหาธาตุและงานเดือนสิบ จึงขอเชิญคนเมืองกรุง หรือเมืองใดๆ ก็ตาม มาหา-นคร สักครั้ง

คนที่เคย มาหา-นคร บอกว่า มานครแค่มานั่งๆ นอนก็สุขใจ  ได้สูดอากาศในแหล่งโอโซนที่ดีที่สุดในประเทศไทย ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

Post a comment

one − 1 =